เดอะ พิซซ่าฯ งัดซับแบรนด์ “ชิค-อะ-บูม” ท้าชิงส่วนแบ่งตลาดไก่ทอด

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ท้าชิงส่วนแบ่งตลาดไก่ทอด 2.5 หมื่นล้าน เปิดซับแบรนด์ “ชิค-อะ-บูม” พ็อปอัพสโตร์ ปูพรมในร้านพิซซ่า คอมปะนี 15 สาขา หวังช่วยเสริมทัพยอดขาย ปี’65 แตะ 1.6 พันล้าน

วันที่ 26 มกราคม 2565 นายภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดไก่ทอดในไทย ถือเป็นเซ็กเมนต์ที่ใหญ่หรือคิดเป็นสัดส่วน 43% ของธุรกิจอาหารบริการด่วน โดยมีมูลค่าตลาดรวมราว ๆ 2.5 พันล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตทุกปี เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยังนิยมเลือกทานอาหารบริการด่วนเพิ่มขึ้น

จากช่องว่างและโอกาสในการตลาด ประกอบกับที่ผ่านมา เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เป็นเจ้าตลาดปีกไก่ทอด ทั้งไก่เกาหลี ไก่บาร์บีคิว จึงมองว่าการสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อมาชิงส่วนแบ่งการตลาดจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ล่าสุด ได้เปิดตัวซับแบรนด์ ภายใต้ชื่อ ชิค-อะ-บูม (Chick-A-Boom) ในรูปแบบพ็อปอัพสโตร์ แบรนด์ไก่ทอด เปิดสาขาแรกไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุดได้ขยายสาขามาเปิดให้บริการที่เซ็นทรัลเวิลด์

โดยชูจุดขายด้านรสชาติที่หลากหลาย มีความแปลกใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Limitless Fun Experience/Never like others/Never boring” ซึ่งเป็นรสชาติที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อสร้าง Customer Experience ทำให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้นไปกับแบรนด์ และเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค Gen Z กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มเฟิรสต์จ็อบเบอร์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ตลอดจนการสร้างแคแร็กเตอร์ผ่านตัวมาสคอต ชิคกีร่า (Chickira) ที่ออกแบบมาเพื่อให้แบรนด์เป็นที่จดจำของลูกค้ามากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์และแผนการทำตลาดของชิค-อะ-บูม เตรียมเปิดตัวพ็อปอัพสโตร์ รวมกว่า 15 สาขา ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น นครราชสีมา ฯลฯ เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1 เป็นต้นไป โดยมีงบฯลงทุน 4 แสนบาทต่อสาขา

โดยร้านจะอยู่ภายในบริเวณเดียวกับร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี กว่า 220 สาขาทั่วประเทศ โดยระยะแรก เปิดขายในรูปแบบไดน์อินและบริการซื้อกลับบ้าน (Take Away) โดยคาดการณ์ว่าจากการขยายการให้บริการดังกล่าว จะสามารถเสริมทัพยอดขายเมนูไก่ในร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ให้เติบโตขึ้นได้อีกเท่าตัว โดยตั้งเป้าสร้างยอดขายกว่า 1,600 ล้านบาท ภายในปี 2565

“การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่ค่อยดีนับเป็นอุปสรรคใหญ่ ประกอบกับปัจจุบันทราฟฟิกคนเดินห้างสรรพสินค้าในวันจันทร์ถึงศุกร์ ไม่ค่อยคึกคักมากนัก เพราะส่วนใหญ่ไปกระจุกในวันเสาร์และอาทิตย์ แต่ในเชิงธุรกิจ จะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ เราจึงต้องหาแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อมากระตุ้นตลาด”


ด้านแบรนด์เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ก็ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป โดยภาพรวมยอดขายในปีนี้คาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติที่ระดับยอดขายราว 7,000 ล้านบาท หลังจากปีที่ผ่านมายอดขายชะลอตัวลงจากผลกระทบโควิด-19 และต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาพตลาด รวมไปถึงการบริหารราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทั้งราคาไก่ น้ำมันปาล์ม และวัตถุดิบประกอบอาหารอื่น ๆ ด้วยการอาศัยการทำคอนแทร๊กต์กับซัพพลายเออร์ เป็นราย 1-2 ปี