สธ.เปิดแผนจัดการวัคซีนเดือน ก.พ. ไฟเซอร์-แอสตร้าฯ ทะลัก 11 ล้านโดส

ฉีดวัคซีน

สธ.เผยไฟเซอร์-แอสตร้าฯ เดือน ก.พ. ทะลักเข้าไทยกว่า 11 ล้านโดส พร้อมเปิดแผนบริหารวัคซีนชี้ใช้เป็นเข็มที่ 1-4 กระจายกลุ่มเด็กเล็ก ตลอดจนสำรองรับภาวะการระบาด

วันที่ 31 มกราคม 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงแผนบริหารจัดการวัคซีนโควิดเดือน ก.พ. ว่า ในเดือน ก.พ. นี้จะมีวัคซีนทยอยเข้าประเทศไทยราว 11 ล้านโดส แบ่งได้ดังนี้

1.วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 7 ล้านโดส สำหรับใช้ฉีดเป็นเข็มที่ 1-4

  • ฉีดเป็นเข็มที่ 1 สำหรับกลุ่ม แอสตร้าฯ+แอสตร้าฯ หรือ แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์
  • ฉีดเป็นเข็มที่ 2 สำหรับกลุ่ม แอสตร้าฯ+แอสตร้าฯ หรือ ไฟเซอร์+แอสตร้าฯ
  • ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 3-4 ตามสูตร ซิโนแวค+แอสตร้าฯ+แอสตร้า หรือ ซิโนแวค+ซิโนแวค+แอสตร้าฯ+แอสตร้าฯ และ แอสตร้าฯ+แอสตร้า+แอสตร้าฯ (เป็นทางเลือกเพิ่มเติมใหม่)
  • ฉีดในผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่เคยมีประวัติติดเชื้อโควิด สามารถรับวัคซีนแอสตร้าฯ ได้หลังติดเชื้อราว 1 เดือน (จากเดิม 3 เดือน)

2.วัคซีนไฟเซอร์ สูตรฝาสีม่วง สำหรับผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ใช้สำหรับฉีดเป็นเข็มที่ 1-3

  • ฉีดเป็นเข็มที่ 2 สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าฯ เป็นเข็มที่ 1 ตามสูตร แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์
  • ฉีดเป็นเข็มที่ 1-2 สำหรับกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 12-17 ปี ตามสูตร ไฟเซอร์+ไฟเซอร์
  • ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นตามสูตร แอสตร้าฯ+แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์ หรือ ฉีดในผู้มีอายุ 12-17 ปี ที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม ตามสูตร ซิโนฟาร์ม+ซิโนฟาร์ม+ไฟเซอร์ โดยเว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์ขึ้นไป
  • ฉีดในผู้มีอายุ 12-17 ปี ซึ่งเคยติดเชื้อโควิด สามารถรับไฟเซอร์ได้หลังติดเชื้อราว 1 เดือน (จากเดิม 3 เดือน)

3.วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้มสูตรเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี จำนวน 1.2 ล้านโดส

4.สำรองตอบโต้การระบาดด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 1 ล้านโดส