โกดังชาบู ย้อนรอยเส้นทาง 10 ปี ก่อนประกาศปิดกิจการ

โกดังชาบู ย้อนรอยเส้นทาง 10 ปี ก่อนประกาศปิดกิจการ

เส้นทาง 10 ปี โกดังชาบู จากร้านก๋วยเตี๋ยวค่าเช่าที่วันละ 100 บาท ก่อนประกาศเลิกกิจการ ยื้อต่อไม่ไหว

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าของร้านโกดังชาบู ย่านตลาดพลู ไลฟ์ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเพจว่าเตรียมปิดกิจการ พร้อมเผยว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว หากใครสนใจเช่าพื้นที่ก็ให้ติดต่อเข้ามาได้ เงินที่ได้จากค่าเช่าจะนำไปเคลียร์หนี้สิน อีกทั้งแฟนก็ป่วยซึมเศร้าอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เจ้าของร้านเคยออกมาเปิดใจว่า อึดอัดใจจากการที่ภาครัฐมีมาตรการสั่งปิดร้านอาหาร ทำให้เกิดหนี้สิน และอยากขอร้องนายกฯให้แก้ไขโครงการช่วยเหลือร้านค้า ด้วยการปล่อยกู้ให้ไปต่อได้

กว่าจะเป็นโกดังชาบู

วานนี้ (2 ก.พ.) เฟซบุ๊กเพจ โกดังชาบู ได้แชร์เรื่องราวในอดีต เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 เรื่อง “กว่าจะมาเป็น โกดังชาบู” โดยเล่าว่าก่อนจะมีทุกวันนี้ เริ่มมาจากชีวิตติดลบ ไม่รู้จะเดินไปทางไหน จึงตัดสินใจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ริมทางบริเวณสามแยกวุฒากาศตัดถนนเทอดไท โดยใช้เวลาในช่วง 7 ปีจนมีทุกวันนี้ในการพัฒนาต่อยอด เก็บเงิน ซื้อของมาขยายร้านไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ ตั้งแต่ตะเกียบไม้ไผ่จนไปถึงโต๊ะสแตนเลส จนมาถึงจุดนี้

ทางเจ้าของร้านเผยว่า พอเริ่มมีเงินเก็บเล็ก ๆ จึงซื้อของมาทำน้ำเก๊กฮวย จับเลี้ยงขาย เริ่มซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมาจ่ายตลาด พอผ่านไปเป็นเวลาปีกว่า ได้เปิดร้านยำมะม่วงกับภรรยา โดยทำกันสองคนไม่ได้จ้างพนักงาน จนการพัฒนามาถึงทางตันสำหรับพื้นที่บริเวณสามแยกวุฒากาศ

เริ่มหาทำเลใหม่

เจ้าของร้านเล่าต่อว่า ตอนนั้นมีเงินหลักหมื่นนิด ๆ จึงมองหาทำเลใหม่ ในที่แรกค่าเช่าวันละ 100 บาท ค่าไฟดวงละ 10 บาท น้ำเหมาวันละ 10 บาท แต่ปัญหาคือจอดรถยนต์ไม่ได้เลย จึงไปเล็งพื้นที่ใหม่ไว้สำหรับพัฒนาร้าน แต่ยังไม่พร้อมย้ายไป ระหว่างนั้นจึงคิดว่าจะทำอะไรต่อสำหรับพื้นที่ใหม่ เมื่อที่ว่างจึงรีบเข้าไปติดต่อย้ายเข้า ค่าเช่า 6,000 บาท ที่ตรงนั้นอยู่บริเวณปากซอย​วุฒากา​ศ​ 16

เมื่อย้ายมาก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อและร้านยำ สามารถจอดรถยนต์ได้ เจ้าของร้านเผยว่า จริง ๆ ที่ตรงนี้จะทำไปจนแก่ก็ได้ แต่คนเราต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ หลังจากขายก๋วยเตี๋ยวและยำไปได้ 1-2 เดือน ก็เริ่มผลิตเมนูใหม่ ๆ มาขายทีละเมนู ซึ่งตนทำไม่เป็นแม้แต่เมนูเดียว แต่ก็ไม่ย่อท้อ ค่อย ๆ พัฒนาไปทีละเมนู ทั้งยังนำกำไรมาวิจัยในแต่ละเมนู หาวิธีทำ หาสูตร จนกลายมาเป็นร้านอาหารขนาดย่อมภายในเวลาครึ่งปี

จากนั้นได้เริ่มจ้างพนักงานจาก 1 คนจนถึง 5 คนในตอนนั้น จึงคิดต่อว่าจะทำอะไรต่อไป ซึ่งตนเป็นคนชอบกินชาบู หมูกระทะมาก จึงตัดสินใจจะเปิดร้านชาบูแต่ติดปัญหาเรื่องเงิน เลยเริ่มวางแผนว่าร้านชาบูต้องใช้อะไรบ้างและค่อย ๆ นำกำไรไปซื้อของจำเป็นมาทีละอย่างจนเต็มร้าน จากนั้นจึงเริ่มคิดหาสูตรน้ำจิ้มสุกี้และซีฟู้ดด้วยตัวเอง เมื่อได้สูตรน้ำจิ้มก็เริ่มนำของที่ซื้อไว้เพื่อเปิดเป็นร้านชาบูโดยใช้ชื่อแรกว่า “ชาบูริมทาง”

แต่เจ้าของร้านยังไม่หยุดพัฒนา เริ่มซื้อของเปลี่ยนแปลงร้านไปเรื่อย ๆ จนร้านไม่สามารถเก็บของได้อีก จึงรอหาทำเลใหม่ ครั้งนี้ใช้เวลาเป็นเวลาปี ๆ แต่ราวกับดวงชะตาที่มาเห็นที่ข้าง ๆ บ้านซึ่งตอนนั้นเป็นบ้านร้างที่โทรมและน่ากลัวมาก  ตรงบริเวณวุฒากาศ 6 เย็นวันนั้นจึงปีนเข้าไป นำเก้าอี้มานั่งใต้ต้นไม้สำรวจ ทบทวน หลังจากนั้นจึงได้ที่ตรงนี้สำหรับทำเลใหม่

เมื่อได้ทำเลใหม่แล้ว เจ้าของร้านเริ่มซื้อของใช้เข้ามา จนแทบไม่มีที่นอน ก่อนหน้านี้ได้ซื้อรถกระบะเพื่อใช้ขนของเข้าร้านใหม่ทั้งหมด และเปิดร้านโดยใช้ชื่อว่า “โกดังชาบู”

อย่าหยุดพัฒนา

ในช่วงท้าย เจ้าของร้านโกดังชาบู เผยว่า สำหรับวันและเวลาที่เดินไปในแต่ละวัน ตนพัฒนาทุกวัน อัพเดตตกแต่งไปเรื่อย ๆ พร้อมฝากถึงทุกคนที่อ่านอยู่ว่า ถ้าหากตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ถึงบางครั้งจะได้กำไรหรือไม่ได้เลย อย่าท้อ ทำในสิ่งที่รับไหว อย่าทำอะไรเกินกำลังตัวเอง ค่อย ๆ คิดและพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ ปรับเปลี่ยน​ให้เป็นในแบบตัวเอง เวลามากน้อยไม่เท่ากัน เพราะคนเราใช้เงินต่างกันผลลัพธ์​ก็ย่อมต่างกัน

สวนรัฐบาล ไม่ปิดร้าน

เหตุการณ์ที่ทำให้ทางร้านเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในโซเชียล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 โดยเฟซบุ๊กเพจโกดังชาบู โพสต์ประกาศว่า “เนื่องด้วยสถานการณ์ ที่รัฐบาลนำพาให้เชื้อโควิด อาจจะระบาดรอบ 2 จนต้องเอามาตรการสั่งปิดกลับมาอีก ทางร้านและทีมงานตอบให้ตรงนี้เลย ใครหน้าไหนมาสั่งปิดผมก็ไม่ฟัง

ผมบอกเลยทางร้านจะไม่มีการปิดเหมือนรอบแรก เพราะหนี้บาน ผมและครอบครัวพร้อมพนักงานต้องกินข้าว ปิดรอบนี้ก็ตายแน่นอน ไม่ช่วยเหลือ พวกเราภาคเอกชน ก็อย่ามาขวาง เห็นคนเจ๊งเพราะพวกท่านมาเยอะละ ไม่ช่วยสักบาท เศษเงินที่ให้มา 5,000/เดือน เงินภาษีกู ไม่ใช่เงินมึง”

และยังได้แสดงความคิดเห็นต่ออีกว่า พวกเราทำได้มา 40 กว่าวันผู้ป่วยแทบเป็น 0 เจอคิดแต่ละเรื่อง เอาผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาในบ้านเรางี้ จัดการคนในบ้านยังไม่รอดเลย ยังจะมีหน้ามาสะเออะ สุดท้ายก็เอาเข้ามาอีก ทำคนในประเทศฉิบหายมารอบละ สรรหาแต่ละเรื่อง