โออิชิ โชว์ผลงานไตรมาส 1/64-65 มีรายได้ 2,982 ล้าน เติบโตขึ้น 11.8% อานิสงส์จัดทัพ-ช่องทางขายใหม่ดันกลุ่มเครื่องดื่มโตทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ภาครัฐคลายล็อกมาตรการ ดันธุรกิจอาหารฟื้นต่อเนื่อง
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 1ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมในไตรมาสที่ 1/2564-2565 ทั้งสิ้น 2,982 ล้านบาท เติบโตเป็นจำนวน 315 ล้านบาทหรือคิดเป็น 11.8% จากไตรมาสที่ 1/2563-2564
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
โดยในส่วนของธุรกิจเครื่องดื่มบริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการธุรกิจเครื่องดื่มในไตรมาสที่ 1/2564-2565 เป็นจำนวน 1,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 214 ล้านบาท หรือ 14.5% จากไตรมาสที่ 1/2563-2564เนื่องจากการเติบโตของยอดขายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการเติบโตของยอดขายภายในประเทศได้รับแรงผลักดันจากกลยุทธ์การทำการตลาดกับช่องทางการจัดจำหน่าย ในพื้นที่ที่ยังมีโอกาสสร้างการเติบโตได้
รวมถึงการเจาะกลุ่มลูกค้าเด็กและวัยรุ่นสร้างความตื่นเต้นด้วยแคมเปญความร่วมมือกับ ดาบพิฆาตอสูร ซึ่งเป็นการ์ตูนอะนิเมะชื่อดังจากญี่ปุ่น กับดีไซน์ใหม่บนขวดโออิชิ ซึ่งได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี ในขณะที่ต่างประเทศกำลังซื้อผู้บริโภคเริ่มกลับมาฟื้นตัว และบริษัทได้เน้นทำการสื่อทางการตลาดกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายต่างประเทศสามารถกลับมาเติบโตได้ดีในไตรมาสนี้
ด้านภาพรวมของธุรกิจอาหารบริษัทมีรายได้ 1,288 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2564-2565เพิ่มขึ้น 101 ล้านบาทหรือคิดเป็น 8.5% จากไตรมาสที่ 1/2563-2564 เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้เปิดร้านอาหาร และสามารถนั่งทานอาหารในร้านได้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจอาหารของบริษัทเริ่มมียอดขายเพิ่มขึ้น และเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถขยายช่องทางการขายแบบส่งถึงบ้าน (Home delivery) ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 389 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/2564-2565 ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 164 ล้านบาท หรือ 73.1% จากไตรมาสที่ 1/2563-2564จากทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร เนื่องจากการเติบโตของยอดขาย และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง