บำรุงราษฎร์กางแผนโตเพิ่ม ชูนวัตกรรมเจาะเฉพาะทาง

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กางแผนธุรกิจรับเทรนด์ผู้สูงวัย-ดิจิทัลเฮลท์แคร์ ชูนวัตกรรมทางการแพทย์ smart healthcare 5.0 ปูพรมการรักษา ชูจุดเด่นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์เฉพาะทางด้านการรักษาโรค และการรักษาโรคซับซ้อน ก่อนเดินหน้าขยายเครือข่ายโรงพยาบาลเป็น 83 แห่งในสิ้นปี ขยายโอกาสการรักษาครอบคลุมทั่วไทย

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เปิดเผยว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมามีรายได้รวม 12,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากปี 2563 โดยหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย

หักกลบกับการลดลงของกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศ ขณะที่ช่วงไตรมาส 4/64 มีกำไร 612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 253.8% โดยไตรมาสนี้มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 3,882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หลังจากที่ไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64

“จากมาตรการ Test & Go ของภาครัฐในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น ทั้งกลุ่มชาวไทย-นักท่องเที่ยวเอ็กซ์แพต และกลุ่มต่างชาติที่เข้ามารักษา เรียกว่าเติบโตเกิน 100%

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และแม้มาตรการดังกล่าวจะเปิด ๆ ปิด ๆ แต่ทว่าก็ส่งผลดีต่อภาพรวมการเข้ามารักษาของชาวต่างชาติในไทยให้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยในบางช่วงเพิ่มสูงขึ้นกว่าก่อนการระบาดของโควิด”

สำหรับแผนงานหลักในปี 2565 นี้ จะให้ความสำคัญกับนโยบายที่ต้องการให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นสถาบันทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลของคนไทย โดยจะมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ smart healthcare 5.0

ADVERTISMENT

เพื่อการดูแลสุขภาพครอบคลุมทุกมิติ โดยยังคงให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยอีกทั้งยังยกระดับการให้บริการเพื่อส่งมอบการดูแลรักษาสุขภาพระยะยาวในทุกช่วงอายุ

“ปัจจุบันเมืองไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยคิดเป็น 20% ของจำนวนประชากร โดยในอีก 10 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่าสัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ขณะที่เทรนด์เรื่องของดิจิทัลหรือเฮลท์เทคคืออีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงในปีนี้ ทำให้นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับสองส่วนนี้ควบคู่กัน ผ่านจุดแข็งเรื่องของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์เฉพาะทาง และนวัตกรรมการรักษาใหม่ ๆ”

ADVERTISMENT

โดยทิศทางการแพทย์ยังมุ่งพัฒนาการรักษาในระดับจตุตถภูมิ (quaternary care) รวมถึงการยกระดับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากและโรคซับซ้อนได้ครอบคลุมผ่านจุดแข็ง ในด้านคุณภาพของการรักษาได้แก่

1.critical care การรักษาโรควิกฤตมีทีมแพทย์เวชบำบัดวิกฤตที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Critical Care Medicine จากสหรัฐอเมริกา ที่พร้อมดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง

2.complicated care การรักษาโรคซับซ้อนเกี่ยวเนื่องกับหลายอวัยวะหรือเป็นโรคยากต่อการวินิจฉัย โดยมี center of excellence ครอบคลุมการรักษาในทุกโรค และมีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญการขั้นสูงในการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ

3.collaboration of expertise การทำงานร่วมกันของทีมแพทย์ในหลากหลายสาขาและสหสาขาวิชาชีพ เพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีที่สุด 4.wellness and prevention การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกัน โดยมีศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ที่ให้บริการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย

นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการภายใต้โมเดลธุรกิจ Bumrungrad Health Network เพื่อขยายการให้บริการทางการแพทย์ด้วยมาตรฐานบำรุงราษฎร์ไปยังเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ ของโรงพยาบาลพันธมิตร

อาทิ ศูนย์กระดูกสันหลังและศูนย์ข้อ ร่วมกับโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, ศูนย์กระดูกสันหลัง ร่วมกับโรงพยาบาลนครธน, ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน ร่วมกับโรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก

และล่าสุดได้เปิดบริการด้านพันธุศาสตร์ เพื่อยกระดับการตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรม ร่วมกับสวัสดีราษฎร์คลินิกเวชกรรม จังหวัดนครราชสีมา เพื่อขยายโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่หลากหลายขึ้น

รวมถึงยังขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่น ๆเพื่อการแนะนำโปรแกรมดูแลสุขภาพที่ออกแบบเพื่อให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบำรุงราษฎร์มี รพ.เครือข่าย ทั้งสิ้น 70 แห่ง โดยปี 2565 นี้ตั้งเป้าขยายโรงพยาบาลเครือข่ายเพิ่มเป็น 83 แห่งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่ม และรองรับการรักษาในโรคเฉพาะทางและซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้น

ด้าน รศ.นพ.ทวีสิน ตันประยูร ประธานปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้บำรุงราษฎร์จะให้น้ำหนักด้านการแพทย์ใน 2 ส่วนสำคัญคือ

1.robotic surgery center การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดระบบดาวินซีเข้ามาช่วยศัลยแพทย์ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยหลายระบบอวัยวะให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และ 2.genetic มุ่งเน้นการตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งจะช่วยระบุความเสี่ยงในการเกิดโรคบางชนิด

ทำให้สามารถป้องกันโรคเชิงรุกได้ อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด วางแผนการมีบุตรและป้องกันกลุ่มโรคเสี่ยงทางพันธุกรรมอื่น ๆ ในอนาคต รวมถึงตรวจพันธุกรรมเพื่อป้องกันการแพ้ยา

ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถเลือกใช้ยาหรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะมาเสริมการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นเทรนด์การแพทย์ที่บำรุงราษฎร์ให้ความสำคัญนับจากนี้ต่อไป