“ท็อปส์” ปูพรมสาขานอกห้าง เจาะคอมมิวนิตี้มอลล์-ปั๊มชิงเค้ก 8 หมื่นล้าน

“ซีอาร์ซี” เด้งรับทราฟฟิกดีดกลับ หนุนธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตฟื้นตัว เปิดเกมชิงตลาด 8 หมื่นล้าน ทุ่ม 700 ล้านปูพรม “ท็อปส์ มาร์เก็ต” 3 โมเดล 15 สาขาเจาะคอมมิวนิตี้มอลล์-ปั๊มน้ำมัน มุ่งโตนอกห้าง-บาลานซ์ความเสี่ยง ล่าสุดปักหมุดยึด “บ้านฉาง” เป็นสาขาที่ 2 ในระยองรับกำลังซื้อนิคม-นักท่องเที่ยว มั่นใจสิ้นปีภาพรวมยอดโตไม่ต่ำกว่า 5%

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต 80,000 ล้านบาท มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลพวงมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและเริ่มเข้าสู่สังคมเมืองมากขึ้น

ขณะที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นเพียงร้านค้าไม่กี่ประเภทที่ยังสามารถเปิดให้บริการได้ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นหนึ่งเรือธงของค่ายค้าปลีกที่ยังมีแผนการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

และ “โลเกชั่น” คือสิ่งที่บรรดายักษ์ใหญ่ซูเปอร์มาร์เก็ตให้ความสำคัญ จากอดีตที่เคยโตไปกับศูนย์การค้า หันมาลุยโตนอกห้างมากขึ้น และคอมมิวนิตี้มอลล์-ปั๊มน้ำมัน คืออีกไพรมโลเกชั่นของธุรกิจ

ซูเปอร์มาร์เก็ตฟื้นตัว

นางสุจิตา เพ็งอุ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ Large Format บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทลฯ หรือซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตตลอดช่วง 2 เดือนแรกของปีมีการฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

แม้จะไม่เท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด โดยตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. 2565 หลังจากทราฟฟิกภายในศูนย์การค้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง ทำให้ส่งผลดีมายังกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในท็อปส์เพิ่มสูงขึ้น

และมีความถี่เพิ่มขึ้น 10% (เริ่มกลับมาปกติ) ทำให้มียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 5% จากทั้งปี 2564 ที่เติบโต 1-2% เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกล้าออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ซื้อสินค้าไปปาร์ตี้สังสรรค์หลังจากอัดอั้นมานาน และคาดการณ์ว่าในสิ้นปี 2565 นี้จะกลับมาเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5%

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ภาพรวมกำลังซื้อที่ชะลอตัว บวกกับปัญหาสินค้าหลายรายการที่เริ่มปรับขึ้นราคาในขณะนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของท็อปส์อยู่บ้างพอสมควร

แม้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะอยู่ในระดับ B+ ขึ้นไปก็ตาม ทำให้บริษัทหันมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในเรื่องของราคามากขึ้นด้วยการจัดกิจกรรมล็อกราคาสินค้า lock price มาอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายพร้อมทั้งรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“ช่วงที่กำลังซื้อชะลอตัว บวกกับปัญหาสินค้าหลายอย่างมีราคาแพงขึ้น กลยุทธ์เรื่องราคายังถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับลูกค้า เราจึงให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมล็อกราคาสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการพร้อมทั้งลดภาระค่าครองชีพประชาชนไปด้วย”

นอกจากนี้ ยังมีเพิ่มบริการแบบ omnichannel ที่รองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบริการ personal shopper, บริการส่งสินค้าถึงบ้านฟรีเมื่อซื้อขั้นต่ำ 1,500 บาท

และการร่วมกับพาร์ตเนอร์ในการบริการจำหน่าย-ส่งผ่านช่องทางดีลิเวอรี่ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและมีการเติบโตในช่องทางออนไลน์สูงขึ้นต่อเนื่อง

ทุ่ม 700 ล้าน ผุด 15 สาขา

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กล่าวต่อไปว่า โดยแผนการดำเนินงานของท็อปส์ปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาทในการเปิดท็อปส์ มาร์เก็ตเพิ่มอีก 15 สาขา จากปกติที่มีการเปิด 8 สาขาต่อปี

หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 45 ล้านบาทต่อสาขา โดยจะเน้นพื้นที่ตั้งแต่ 900-4,000 ตร.ม.ใน 3 โมเดลหลักทั้ง S, M และ L โดยจะเน้นการขยายในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล

โดยจะมุ่งการเปิดให้บริการในคอมมิวนิตี้มอลล์-ปั๊มน้ำมัน เพื่อให้เข้าถึงชุมชนและกลุ่มเป้าหมายให้หลากหลายและง่ายต่อการขยายเข้าไปในแหล่งชุมชน และกระจายความเสี่ยงจากล็อกดาวน์ศูนย์การค้า

ประกอบกับแนวโน้มคอมมิวนิตี้มอลล์ปีนี้ที่ผู้ประกอบการกลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังจากเกิดโควิดที่ผ่านมา แล้วผู้บริโภคเริ่มหันเข้าไปใช้บริการมากขึ้น เพื่อความสะดวก ใกล้บ้าน ผู้คนไม่หนาแน่นอีกทั้งลูกค้ามีความถี่ในการเข้ามาใช้บริการถึงสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง มากกว่าในห้างที่มาสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

โดยช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ท็อปส์ได้เริ่มขยายสาขาไปในทำเลใหม่ ๆ มากขึ้น เพื่อเป็นการบาลานซ์ความเสี่ยงโดยเฉพาะในคอมมิวนิตี้มอลล์ และยังมองหาโอกาสในการขยายทำเลอื่น ๆ ให้เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด

โดย 15 สาขาใหม่ของปีนี้จะเป็นการขยายเข้าไปในคอมมิวนิตี้มอลล์และปั๊มน้ำมันที่มีศักยภาพราว 50% โดยจะเป็นการลดขนาดพร้อมเพิ่มโมเดลให้หลากหลายทั้ง S, M, L เพื่อให้ง่ายต่อการขยายสาขา เพิ่มความคล่องตัวมากขึ้น สร้างโอกาสทางการขาย และคืนทุนเร็วขึ้น

จากเดิมที่จะเน้นขยายสาขาตามบริษัทแม่ภายในศูนย์การค้า ทั้งเซ็นทรัลและโรบินสันเป็นหลัก ปัจจุบันท็อปส์ มาร์เก็ตมีจำนวน 130 สาขา เป็นการเปิดสาขาในห้าง 50% และคอมมิวนิตี้มอลล์ 50% โดยเป็นสาขากรุงเทพฯ 70 แห่ง และต่างจังหวัด 60 สาขา

“เดิมท็อปส์จะเน้นขยายสาขาตามศูนย์การค้าและเน้นโมเดลขนาดใหญ่ แต่โควิดที่เกิดขึ้นทำให้ปีที่ผ่านมาเริ่มมีการปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายตัวออกนอกศูนย์การค้า เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ

และจากการที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหลาย ๆ ค่ายก็เริ่มมองหาโลเกชั่นนอกห้างมากขึ้น จึงทำให้การแข่งขันรุนแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จากยุทธศาสตร์ที่วางไว้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายสาขาได้ตามแผน และปัจจุบันมีเจ้าของพื้นที่จำนวนมากที่ยื่นข้อเสนอมาให้เราพิจารณา”

ปักหมุดระยอง รับกำลังซื้อ

ล่าสุดได้เปิดตัว ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาโรบินสัน บ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นการฉลองเปิดท็อปส์ มาร์เก็ต ครบ 130 สาขาทั่วประเทศ และนับเป็นสาขาแห่งที่ 2 ในจังหวัดระยอง

เพื่อรองรับกำลังซื้อที่มีนิคมอุตสาหกรรมฯที่มีอยู่จำนวนมาก และเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง นอกจากนี้ จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดระยอง จากรายงานประมาณการเศรษฐกิจจังหวัดระยองปี 2564 ระบุว่า

จังหวัดมีแผนดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการร่วมกันระหว่างรัฐ ท้องถิ่น และเอกชน อย่างตลาดลานโพธิ์นาเกลือ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน จากฐานข้อมูลเดอะวัน พบว่าลูกค้าท็อปส์ มาร์เก็ต ระยอง มาใช้บริการเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซื้อสินค้าโดยเฉลี่ยมากกว่า 700 บาทต่อครั้ง อีกทั้งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเจเนอเรชั่น X และ Y


ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานเป็นหลัก ด้วยศักยภาพและกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงการมีผู้เยี่ยมเยือนในเดือนมกราคม 2565 เป็นจำนวนถึง 1.61 แสนคน ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาถึง 309.73% (จากข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศรายจังหวัดปี 2565 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)