สมาร์ทโฮมลุยไฟฟ้าชิ้นใหญ่ ขยายฐานรับมือตลาดเปลี่ยน

สมาร์ทโฮมพลิกกลยุทธ์รับมือดีมานด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเปลี่ยน-ต้นทุนขนส่งพุ่ง เพิ่มไลน์อัพชิ้นใหญ่ บุกแอร์บ้าน ตู้แช่ เครื่องซักผ้า เจาะพ่อค้าแม่ค้า อาคารสำนักงาน พร้อมศึกษาต่อยอดธุรกิจบริการติดตั้ง-ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ด้านการตลาดอัดงบฯสื่อสารผ่านทีวีจัดกิจกรรมรายสัปดาห์สร้างรับรู้-ลอยัลตี้ ก่อนงัดสารพัดกลยุทธ์ตรึงราคาสินค้า มั่นใจยอดขายปีนี้แตะ 1 พันล้าน

นายธวัช มานะวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สเต็ป ฟอร์เวิร์ด กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า “สมาร์ทโฮม” (Smart Home) อาทิ หม้อหุงข้าว หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องฟอกอากาศ เตาอบ ฯลฯ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า

ปี 2565 นี้ ภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กมีความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะราคาสินค้าที่ปรับขึ้นประมาณ 20% ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564 จากต้นทุนสูงขึ้น ทั้งค่าระวางเรือเพิ่มขึ้น 1-2 เท่า

ขณะที่จำนวนซัพพลายเออร์-กำลังผลิตลดลง หลังรัฐบาลจีนกวดขันด้านมาตรฐานโรงงานและปัญหาพลังงาน แม้ช่วงเดือนมกราคม 2565 ค่าขนส่งจะปรับลดลงบ้าง แต่ยังสูงกว่าก่อนการระบาดประมาณ 3 เท่า เช่นเดียวกับต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มทรงตัว แต่ยังสูงกว่าก่อนโควิด 20-30%

ด้านกำลังซื้อที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ระบาดยาวนานทำให้ช่วงธันวาคม-มกราคมที่ผ่านมา ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายและตอบสนองต่อโปรโมชั่นลดลง สะท้อนจากผลการทำโปรโมชั่นผ่านมาร์เก็ตเพลซออนไลน์ทั้งลาซาด้าและช้อปปี้ที่การตอบรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายธวัชกล่าวว่า นอกจากนี้ความต้องการสินค้ายังเปลี่ยนไป เช่น กระแสหม้อทอดไร้น้ำมันหรือการไลฟ์สดขายสินค้าที่ต่างแผ่วลงไปมาก เช่นเดียวกับด้านช่องทางจำหน่ายซึ่งยอดขายออนไลน์และออฟไลน์กลับมามีสัดส่วนทัดเทียมกันเหมือนช่วงก่อนการระบาด

ขณะที่แบรนด์จีนรุกตลาดเข้ามามากขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายสินค้า ทั้งหม้อทอด เครื่องดูดฝุ่นไร้สายและอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม สินค้าหลายรายการมีดีมานด์สูงขึ้นมาแทนที่

อาทิ หม้อหุงข้าวระบบคอมพิวเตอร์, เตาแม่เหล็กไฟฟ้า, กาต้มน้ำไฟฟ้า รวมถึงหม้ออเนกประสงค์หรือมัลติคุกเกอร์ รวมถึงมีความต้องการสินค้าไซซ์ที่เล็กลงและมีดีไซน์หรูมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ บริษัทได้ปรับทิศทางหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอรุกทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ อาทิ แอร์บ้าน ตู้แช่ เครื่องซักผ้า ฯลฯ ไปจนถึงกลุ่มของใช้ในบ้านเน้นสินค้าที่ผู้บริโภคมักมีติดบ้านและไม่จำเป็นต้องมาจากแบรนด์เนม

เช่น ของเล่น, ชุดจานชาม, พัดลมตั้งโต๊ะขนาดเล็ก เป็นต้น ชูจุดขายด้านคุณภาพเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับซีบวกถึงบีลบ รวมถึงพ่อค้า-แม่ค้า ไปจนถึงออฟฟิศอพาร์ตเมนต์ ในขณะที่กลุ่มชิ้นเล็กจะหันไปโฟกัสสินค้าพื้นฐาน

ทั้งหม้อหุงข้าวระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้บริโภคให้ความสนใจเนื่องจากความสะดวกหุงข้าวได้หลายแบบ และทำอาหารได้หลายเมนู เตาแม่เหล็กไฟฟ้า, กาต้มน้ำไฟฟ้า และหม้ออเนกประสงค์ซึ่งกำลังมีความต้องการในตลาด แทนหม้อทอดไร้น้ำมัน

คาดว่าช่วงกลางปีจะสามารถเปิดตัวแอร์, ตู้แช่, เครื่องชงกาแฟ และเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสต่อยอดไปยังธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง อย่างบริการติดตั้งแอร์-เครื่องซักผ้า

พร้อมรับมือความท้าทายด้านต้นทุนขนส่งและวัตถุดิบ ด้วยการอาศัยจังหวะเงินบาทอ่อนค่าตุนเงินบาทเอาไว้ พร้อมใช้จำนวนยอดสั่งซื้อทั้งปีเป็นเครื่องมือเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์

และสำรองสินค้าระยะยาวไว้เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวน ส่วนการขนส่งใช้บริการชิปปิ้งหลายเจ้าเพื่อให้แข่งขันราคากัน รวมถึงวางแผนบริหารสต๊อกล่วงหน้านานขึ้น เพื่อใช้การส่งทางเรือแบบปกติแทนแบบด่วนเพื่อคุมค่าใช้จ่าย

ร่วมกับการขยายช่องทางจำหน่ายในกลุ่มร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในพื้นที่ เพราะความสะดวกในการผ่อนแบบไม่อาศัยบัตรเครดิตและซ่อมแซม

และด้วยกลยุทธ์นี้เชื่อว่าหลังจากนี้บริษัทจะไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าอีก เพราะได้ปรับขึ้นไปพร้อมตลาดตั้งแต่ปีที่แล้ว และหากราคาสูงขึ้นอีกจะทำให้ใกล้เคียงกับกลุ่มอินเตอร์แบรนด์มากเกินไป

ด้านการตลาดจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมากเป็นพิเศษ โดยใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท แบ่งเป็นออนไลน์ 20 ล้านบาท และออฟไลน์ 10 ล้านบาท เพื่อผลิตภาพยนตร์สร้างการรับรู้ด้านซีเอสอาร์ และโฆษณาผ่านรายการทีวี

เช่น เที่ยงวันทันเหตุการณ์ของช่อง 3 ระดมกิจกรรมต่อเนื่องแบบรายสัปดาห์ ทั้งแจกรางวัล สาธิตโชว์ฟังก์ชั่นการใช้งาน แจกเมนูอาหาร และกิจกรรมส่งเสริมการขายบนมาร์เก็ตเพลซต่าง ๆ

รวมถึงเปิดคอลเซ็นเตอร์ให้บริการรับแจ้งซ่อม-แนะนำการใช้งาน เช่นเดียวกับกิจกรรมเชิงซีเอสอาร์ ไม่ว่าจะเป็นมอบทุนการศึกษา สนับสนุนทีมฟุตบอล-วอลเลย์บอลในโรงเรียนต่าง ๆ มอบเครื่องฟอกอากาศ

และเครื่องช่วยหายใจแก่สถานพยาบาล นอกจากนี้ยังศึกษาการสร้างแคแร็กเตอร์ตัวการ์ตูนเพื่อใช้เป็นจุดขายของสินค้า และเดินหน้าเจรจากับดิสทริบิวเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขยายตลาดเพิ่ม จากเดิมที่มีดิสทริบิวเตอร์ในเมียนมาอยู่แล้ว

“ด้วยไลน์อัพสินค้าใหม่และการขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ รวมถึงดีมานด์จากลูกค้าองค์กรที่ยังคึกคัก จะผลักดันให้ยอดขายปี 2565 ซึ่งเป็นจังหวะครบรอบ 9 ปี แตะ 1,000 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าไว้แน่นอน หลังปีที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้ 997 ล้านบาท” นายธวัชกล่าวย้ำ