ปลัด สธ. เพิ่มตัวเลือก ไฟเซอร์ครึ่งโดส หวังลดผลข้างเคียงในกลุ่ม 608

ไฟเซอร์
FILE PHOTO : CVC กลางบางซื่อ

ความกังวลเรื่องผลข้างเคียงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุบางรายไม่รับวัคซีน

วันที่ 15 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลัด สธ. เตรียมเพิ่มตัวเลือกฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโดส ในกลุ่ม 608 ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 7 โรคประจำตัว และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การมอบนโยบายให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโดสนั้น เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุกังวลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 โดยการใช้ปริมาณครึ่งโดสนั้นมีข้อมูลวิชาการระบุว่า ช่วยให้ภูมิคุ้มกันขึ้นดี และลดผลข้างเคียงได้และปัจจุบันมีการให้แล้วเช่นกัน

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต

ด้านแนวการปฏิบัตินั้นจะเป็นไปตามความสมัครใจ โดยการให้วัคซีนบูสเตอร์โดสครึ่งโดสในกลุ่ม 608 จะมีการวางแนวทางรายละเอียดให้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ส่วนบุคคลทั่วไปหากต้องการฉีดเข็ม 4 แบบปริมาณครึ่งโดสสามารถทำได้เลย

ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มสูงอายุที่มีโรคประจำตัวหรือกลุ่ม 608 ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง สะท้อนจากข้อมูลที่ชี้ว่า ในกลุ่มอายุ 1-50 ปี อัตราการป่วยตายต่ำกว่า 0.1% ส่วนกลุ่มอายุ 50-60 ปีประมาณ 0.3% แต่ในกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้น อัตราการเสียชีวิตค่อนข้างมากถึงประมาณ 7.5% สอดคล้องกับข้อมูลรายงานผู้เสียชีวิตจำนวน 70 รายในวันนี้ พบว่า 47 ราย เป็นผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป มีผู้ป่วยติดเตียง 2 ราย มะเร็ง 3 ราย โรคไตระยะสุดท้าย 18 ราย โดยกลุ่มนี้คิดเป็น 608 อยู่ที่ 97%

ส่วนการรับวัคซีนนั้น พบว่ามีผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มถึง 52 รายจาก 70 ราย จึงต้องพยายามฉีดวัคซีนให้มากขึ้น เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต

นอกจากนี้ช่วงเทศกาลสงกรานต์กลุ่ม 608 จะมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากลูกหลานมักจะเดินทางกลับไปเยี่ยมเยียน จึงต้องเตรียมการเพื่อความปลอดภัย โดยจะเดินหน้ารณรงค์ฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่ม 608 เริ่มตั้งแต่วันที่ 21-31 มี.ค. 2565 เป็นสัปดาห์รณรงค์กลุ่ม 608 หรือเซฟ 608 โดยจะฉีดให้มากที่สุด ซึ่งมีเกณฑ์เฉลี่ยแต่ละจังหวัดแตกต่างกันไปตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ ซึ่งได้มอบหมายให้รองปลัด สธ. วางเป้าหมายการฉีดวัคซีนในแต่ละจังหวัดแล้ว

พร้อมกับจัดกิจกรรม Self Clean Up สร้างการรับรู้ให้กลุ่มที่จะเดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ปู่ย่าตายายนั้น ระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุดในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง อย่าไปร่วมกลุ่มปาร์ตี้ หรือไปสถานที่แออัด พบปะผู้คนมาก และหลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ รวมถึงตรวจเอทีเค 1 ครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงนำโรคไปติดผู้สูงอายุ

ขณะเดียวกันลูกหลานหากกลับไปเยี่ยม ขอให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่ได้รับบูสเตอร์โดส