“นารายา” ระดม 4 แบรนด์ใหม่ ปรับทัพลุยรอบทิศ “คาเฟ่-อีคอมเมิร์ซ”

“นารายา” เขย่าผังองค์กรครั้งใหญ่ ยึดพื้นที่ไอคอนสยาม 1.4 พัน ตร.ม. ผุดแฟลกชิปสโตร์ พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่-คาเฟ่ ก่อนเตรียมระบบไอทีพร้อมสู้ศึก “อีคอมเมิร์ซ” ต้นปีหน้า พร้อมจับมืออาลีเพย์-วีแชต อัดแคมเปญกระตุ้นนักช็อปจีน หวังสปีดธุรกิจบุกไทย-เทศ

ท่ามกลางความท้าทาย ทั้งรูปแบบการค้าขาย ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็วขึ้น การปรับตัว และพัฒนาอย่างเข้าใจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนจึงเป็นโจทย์สำคัญของการทำธุรกิจทุกยุคทุกสมัย ล่าสุด “นารายา” แบรนด์กระเป๋าผ้าไทยที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีความเคลื่อนไหวในการปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง ทั้งอีคอมเมิร์ซ โมเดลช็อปรูปแบบใหม่ ตลอดจนภาพลักษณ์ที่ชัดเจน แข็งแกร่ง รวมถึงรูปแบบการนำเสนอใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ในการช็อปที่แตกต่างและมัดใจลูกค้า

ปรับผังองค์กรสปีดธุรกิจ

นางวาสนา รุ่งแสนทอง ลาทูรัส ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายา อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์นารายา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แม้แบรนด์นารายาจะเป็นที่รู้จักและคนทั่วไปจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่การอยู่ในธุรกิจให้ยั่งยืนจำเป็นต้องมีการพัฒนา ปรับปรุงตัวเองให้เดินไปข้างหน้าตลอด บริษัทจึงมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ สร้างโพซิชั่นและไอเดนติตี้ของแต่ละแบรนด์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยในปีหน้าจะมีการแตกแบรนด์ใหม่เพิ่ม 4 แบรนด์ ซึ่งเป็นการนำเอาคอลเล็กชั่นที่แฝงอยู่ในแบรนด์ปัจจุบัน อาทิ นารายา, นารา บาย นารายา และ ลาลามะ บาย นารายา แยกออกมาทำให้สินค้าความชัดเจนขึ้น อาทิ คอลเล็กชั่นกระเป๋าผ้าไหม ก็จะกลายเป็นอีกแบรนด์หนึ่ง หรือคอลเล็กชั่นกระเป๋าผ้าที่อัดเป็นลายหนัง แนวเลดี้ ไฮเอนด์ เดิมทีอยู่ในแบรนด์นารา บาย นารายา ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ชาย ก็จะแตกออกมาเป็นอีกแบรนด์ของผู้หญิงที่เป็นพรีเมี่ยม

“ธุรกิจต้องเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่งั้นมันก็จะตาย หมายความว่าจะอยู่เฉย ๆ แบบนี้ไปเรื่อยไม่ได้ ถ้าไม่พัฒนา ไม่มองช่องทาง ไม่ปรับปรุง คิดว่าแน่ และทำแบบเดิมอยู่อย่างนี้มันไม่มีทางรอด แม้คนจะมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว แม้จะเป็นที่ 1 แล้ว ก็ต้องขยับ”

เดินหน้าขยายสาขาไทย-เทศ

นางวาสนายังระบุต่อไปอีกว่า นารายา จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ พร้อมกับการเปิดแฟลกชิปสโตร์ ที่โครงการไอคอนสยาม ภายใต้พื้นที่ 1,400 ตร.ม. เป็นแบบดูเพล็กซ์ หรือ 2 ชั้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ที่จะมีแบรนด์ทั้งหมดรวม 7 แบรนด์ และมีคาเฟ่ภายในร้านให้นั่งรอ สำหรับกลุ่มครอบครัว หรือสามีภรรยา ที่เข้ามาซื้อสินค้าในร้าน และจะเปิดสาขาใหม่อีก 4 สาขา ที่ ภูเก็ต 2 สาขา, พัทยา และสยามเจมส์ มอเตอร์เวย์ กม.88 จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 25 สาขา รวมถึงรีโนเวตร้านที่เซ็นทรัลเวิลด์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2561

ส่วนธุรกิจในต่างประเทศ ปัจจุบันมีสาขา 12 สาขา ใน 5 ประเทศ อาทิ ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และฮ่องกง และยังมองหาตลาดใหม่ๆ ทั้งในจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และทวีปยุโรป โดยอยู่ระหว่างการศึกษา และหาพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสม

เปิดตัวอีคอมเมิร์ซ

ผู้บริหารนารายากล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อสร้างการเข้าถึงให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และรับกับกระแสการช็อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตสูงในปัจจุบัน ได้เตรียมเปิดช่องทางอีคอมเมิร์ซ http://shop.naraya.com/ ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า โดยเฟสแรกจะรองรับออร์เดอร์ภายในประเทศก่อน ส่วนเฟส 2 หรือประมาณไตรมาส 2-3 จะเปิดรับออร์เดอร์จากต่างประเทศได้ รองรับการจ่ายเงินทั้งบัตรเครดิต โอนเงิน ฯลฯ และจัดส่งโดยบริษัทดีเอชแอล

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เปิดให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้แล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงของการทดลองระบบ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงบริการต่าง ๆ ให้ดีขึ้นก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และยังเปิดให้สั่งซื้อผ่านช่องทางของเฟซบุ๊กแฟนเพจ ในลักษณะของการแจ้งรหัสสินค้า หรือรูป ผ่านกล่องข้อความ โดยบริษัทจะทำการยืนยันออร์เดอร์กลับเพื่อให้ลูกค้าชำระค่าสินค้า

ผนึกอาลีเพย์-วีแชตเจาะคนจีน

ผู้บริหารนารายา ฉายภาพว่า ปัจจุบัน ลูกค้านารายา เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 75% โดยหลักคือกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี ปีที่ผ่านมาได้เข้าไปร่วมกับ อาลีเพย์ ช่องทางการชำระเงินออนไลน์ผ่านโทรศัพท์ และวีแชต แอปพลิเคชั่นแชต ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวจีน และมีการทำโปรโมชั่น เช่น แคมเปญ 11/11 วันช็อปออนไลน์หรือวันคนโสด ปีหน้าจะมีความร่วมมือกันมากขึ้น โดยอาลีเพย์เองได้สั่งสินค้าของนารายา เพื่อนำไปเป็นของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้าในเอเชีย และจะจัดตั้งช็อปในแอปพลิเคชั่นวีแชตขึ้นมาเพื่อความสะดวกต่อการติดต่อสื่อสารกับตลาดและลูกค้าชาวจีน

นอกจากนี้ ยังมีดีไซเนอร์จากญี่ปุ่นที่มาช่วยออกแบบ อัพเดตเทรนด์ โนว์ฮาวต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการของคนญี่ปุ่นได้ดีขึ้น รวมถึงการซื้อหนังสือเทรนด์สีจากอิตาลี เพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการผลิต ออกแบบ เลือกโทนสีของสินค้า ให้สอดคล้องไปกับเทรนด์สีของอุตสาหกรรมแฟชั่นในภาพรวมทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้าสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าที่เป็นอินเตอร์แบรนด์ กับกระเป๋าของแบรนด์นารายาได้ ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าคนจีน และญี่ปุ่น ก็มักจะชอบเทรนด์ที่มาจากอิตาลีอยู่แล้ว

“อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดขายในปีนี้ อาจต่ำกว่าปีที่ผ่านมา หรือเท่ากับปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท คิดเป็นสินค้าประมาณ 10 ล้านชิ้น เนื่องจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญ ตลอดจนมีปัจจัยหลายอย่างที่กระทบกับอารมณ์การจับจ่ายของลูกค้าในประเทศ”