ค้าปลีกเมียนมาเดือด “ซิตี้มาร์ท” ย้ำแชมป์

แม้ประเทศตลาดเกิดใหม่ จะถือเป็นทำเลทองสำหรับธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ แต่สำหรับเซ็กเมนต์ค้าปลีกโมเดิร์นเทรดของเมียนมาแล้ว ยังมี “ซิตี้มาร์ท โฮลดิ้ง” หนึ่งในผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ของเมียนมา ซึ่งอยู่ในตลาดมานานถึง 21 ปีและมีธุรกิจหลากหลายทั้งร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ร้านยา, เบเกอรี่, ร้านหนังสือ ฯลฯ ภายใต้แบรนด์ “ซิตี้”, “โอเชี่ยน” และอื่น ๆ ครอบคลุม 3 เมืองใหญ่ของประเทศ ทั้งย่างกุ้ง, เนย์ปิดอว์ และมัณฑะเลย์

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของ “ซิตี้มาร์ท โฮลดิ้ง” ถึงภาพรวมและทิศทางในอนาคตของตลาดค้าปลีกเมียนมาและกลยุทธ์ของซิตี้มาร์ท โฮลดิ้งที่จะใช้รับมือคู่แข่งทั้งในและนอกประเทศที่กำลังตบเท้าเข้ามาในอนาคตอันใกล้

“แพรททริก ไซมอนด์” ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิตี้มาร์ท โฮลดิ้ง ฉายภาพว่า ปัจจุบันโมเดิร์นเทรดในเมียนมายังอยู่ในระยะเริ่มต้นทั้งฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ โดยมีการแข่งขันต่ำและมีช่องว่างให้เติบโตอีกมากในทุกโมเดลไม่ว่าจะเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ตที่สามารถขยายได้อีกอย่างน้อย 200 สาขาใน 20 ปีก่อนที่ตลาดจะเริ่มอิ่มตัว เช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อซึ่งกำลังมาแรงทั่วโลกเนื่องจากสามารถตอบโจทย์ด้านความสะดวกและสินค้าของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ได้ตรงจุด

ทั้งนี้คาดว่าการแข่งขันจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีผู้ประกอบการต่างชาติรอจังหวะรุกเข้าสู่ตลาดอีกหลายราย หลังจากการเปิดประเทศและเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา “อิออน” ยักษ์ค้าญี่ปุ่นได้จับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเปิดร้านแล้ว 12-13 สาขา และ “เมโทรแคชแอนด์แครี่” จากเยอรมนี ซึ่งเปิดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบบีทูบีรองรับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร

อย่างไรก็ตามยังมีความท้าทายหลายด้านที่ผู้เล่นโดยเฉพาะหน้าใหม่จะต้องรับมือ โดยโจทย์หลักเป็นการจัดหาสินค้า เนื่องจากซัพพลายเออร์รายใหญ่ของสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง ยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จีและอื่น ๆ ต่างยังไม่มีโรงงานในเมียนมา ทำให้ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศซึ่งกระบวนการซับซ้อนและต้นทุนสูง ส่วนซัพพลายเออร์ท้องถิ่นหลายรายยังขาดความพร้อมทั้งด้านสินค้าและกระบวนการทำงานกับโมเดิร์นเทรด

อีกโจทย์สำคัญคือ การหาบุคลากรฝีมือดีให้ได้ในเวลาที่รวดเร็ว เนื่องจากสภาพตลาดที่การแข่งขันต่ำทำให้กลยุทธ์ดึงตัวบุคลากรจากคู่แข่งเป็นไปได้ยาก และตลาดแรงงานยังไม่คุ้นเคยกับมาตรฐานบริการแบบโมเดิร์นเทรดจึงต้องใช้เวลาฝึกสอนสร้างความเข้าใจ

นอกจากนี้ทำเลศักยภาพสูงในหัวเมืองสำคัญอย่าง ย่างกุ้ง, เนย์ปิดอว์และมัณฑะเลย์ต่างถูกยึดครองโดยผู้เล่นท้องถิ่นรวมถึงซิตี้มาร์ทเอง ซึ่งมีสาขาในโมเดลต่าง ๆ รวมกันมากกว่า 200 สาขา ทำให้ผู้เล่นหน้าจะถูกบีบไปใช้ทำเลระดับรองซึ่งมีทราฟฟิกต่ำหรือไม่สะดวกกับธุรกิจ

ADVERTISMENT

“ผู้บริโภคเองยังไม่คุ้นเคยกับร้านสะดวกซื้อนักและไลน์อัพสินค้ายังไม่ตอบโจทย์ ทำให้การตั้งสาขานอกเขตศูนย์กลางธุรกิจเป็นเรื่องท้าทายเพราะยอดขายต่ำยากที่จะทำกำไรได้”

ในระหว่างที่การแข่งขันยังไม่ปะทุขึ้นนี้ “ซิตี้มาร์ท” ได้เตรียมกลยุทธ์ไว้ต้อนรับคู่แข่งหน้าใหม่แล้ว โดย “แพรททริก ไซมอนด์” เปิดเผยว่า กลยุทธ์หลักคือ เร่งสปีดทิ้งห่างคู่แข่งในทุกด้านโดยเฉพาะประเด็นที่เป็นความท้าทายของตลาด ด้วยการต่อยอดจุดแข็งในฐานะผู้เล่นรายใหญ่และประสบการณ์สูง

ด้านการจัดหาสินค้าและศักยภาพของซัพพลายเออร์นั้น เข้าสนับสนุนให้ผลิตสินค้าคุณภาพสูงขึ้นและยกระดับการบริหารจัดการ รวมถึงส่งเสริมให้ขยายกิจการและกำลังผลิต โดยจัดเวิร์กช็อปด้านบริหารองค์กร-สินค้า และพาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีพร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่

“ปัจจุบันบริษัทต้องนำเข้าสินค้ามากกว่าครึ่งจากไทยและประเทศอื่น ๆ ผ่านศูนย์จัดซื้อในไทยและสิงคโปร์ ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยลดความจำเป็นในการนำเข้าสินค้าและทำให้ต้นทุนสินค้าถูกลง เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน”

ส่วนการหาบุคลากรในระยะสั้นเน้นดึงกลุ่มชาวเมียนมาที่ทำงานในต่างประเทศและต้องการกลับมาทำงานในบ้านเกิด รวมถึงชาวต่างชาติเนื่องจากเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกับกระบวนการของโมเดิร์นเทรด จึงสามารถเพิ่มคุณภาพงานบริหาร-บริการได้ทันที สร้างความประทับใจและลอยัลตี้กับลูกค้า รวมถึงยังแก้ปัญหาระยะยาวได้ด้วยการฝึกสอนพนักงานท้องถิ่นไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจโมเดลใหม่ โดยปลายปีนี้เตรียมทดลองเปิด “เนเบอร์ฮูด สโตร์” (Neighborhood Store) ที่เป็นลูกผสมระหว่างร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต ใช้พื้นที่ 250-400 ตร.ม.ใจกลางชุมชน โดยมีไฮไลต์เป็นของสดทั้งเนื้อ ผักและผลไม้เสริมกับไลน์อัพสินค้าของร้านสะดวกซื้อทั่วไป เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคย่านชานเมืองซึ่งต้องการวัตถุดิบประกอบอาหารสำหรับครอบครัวเป็นหลัก หากประสบความสำเร็จจะต่อยอดออกไปยังพื้นที่นอกเมืองและเมืองระดับรองอีกทั้งได้เข้าร่วมกระแสอีคอมเมิร์ซด้วยการเปิดเปิดแพลตฟอร์มของตนเองเมื่อเดือน พ.ย.พร้อมบริการดีลิเวอรี่ เพื่อชิงสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคและตำแหน่งผู้นำตลาด

“เชื่อว่าโมเดลเนเบอร์ฮูด สโตร์นี้ จะอนาคตของตลาดค้าปลีกทั้งในเมียนมาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง อีกทั้งด้วยขนาดยังสามารถหาทำเลได้ง่าย”

เป็นการปรับตัวรอบทิศรับมือสารพัดคู่แข่งที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุด