โรงพยาบาลปิยะเวทกางแผนลุยลงทุน ผุดสาขา2พรานนก/จ่อบุกเนิร์สซิ่งโฮม

รพ.ปิยะเวท สบช่องโควิด-19 เริ่มซา ปัดฝุ่นลงทุนมาสเตอร์แพลน กางแผนยึดทำเลทองย่านพรานนก ทุ่ม 2 พันล้าน ผุดสาขา 2 รพ.ขนาด 400 เตียง ควักเพิ่ม 600 ล้าน เปิดศูนย์มะเร็ง เล็งผนึกพันธมิตรเปิดบริการใหม่รองรับสังคมสูงวัย เตรียมเปิดเกมรุกขยายตลาดไทย-ต่างประเทศ โฟกัสตะวันออกกลาง-จีน-อาเซียน-แอฟริกา

จากปัจจัยบวกของสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมจะประกาศลดระดับความร้ายแรงของโควิด-19 จากการเป็นโรคระบาด ไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ล่าสุด โรงพยาบาลปิยะเวท ในเครือบางปะกอก ได้เริ่มนำแผนการลงทุนหลาย ๆ โครงการที่เคยมีแผนในช่วงก่อนหน้านี้กลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง

โควิดซายอดคนไข้ฟื้นกลับ

นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ”ว่า ขณะนี้ภาพรวมของธุรกิจโรงพยาบาลในแง่ของคนไข้เริ่มกลับเข้ามาใช้บริการบ้างแล้ว แต่ยังเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนักทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างประเทศ

นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน)

เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดโควิด-19 ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากคนไข้จำนวนหนึ่งยังไม่มั่นใจและมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมทั้งปัจจัยในแง่ของภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด และล่าสุดสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน

“ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ปิยะเวทได้เข้าร่วมโครงการกับสำนักงานประกันสังคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการดูแลคนไข้โควิด-19 เป็นจำนวนมาก

ทั้งในแง่ของการดูแลผู้ป่วยในกรณีของฮอสพิเทล ที่เป็นการจับมือกับโรงแรมที่เป็นพันธมิตร คนไข้ที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม (ร่วมกับ ปตท.) การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด

อีกด้านหนึ่งก็ทำให้ชื่อเสียงของปิยะเวทเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับในแง่รายได้จากการเข้าร่วมโครงการ ที่ทำให้ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลในภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ”

เปิดแผนลงทุนมาสเตอร์แพลน

นายแพทย์วิทิตกล่าวต่อไปว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานของ รพ.ปิยะเวท จากนี้ไป หลังจากที่สถานการณ์โควิดคลี่คลาย หรือกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ได้มีการประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น บริษัทจะเริ่มนำแผนการลงทุนที่เคยวางไว้กลับมาพิจารณาและเริ่มเดินหน้าลงทุน

โดยมาสเตอร์แพลนหลัก ๆ ที่จะมีการลงทุนในช่วงจากนี้ไป จะเป็นเรื่องของการเปิดศูนย์รักษามะเร็ง และโครงการการดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงโครงการโรงพยาบาลปิยะเวท 2 ที่ย่านพรานนก

ซึ่งที่ผ่านมาได้ยื่นขออนุญาตเรื่องสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ และผ่านการอนุมัติของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว โดยปิยะเวท 2 เป็น รพ.ขนาด 400 เตียง ตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมการก่อสร้าง จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าจะใช้งบฯลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท

ส่วนศูนย์รักษามะเร็งจะมีการลงทุนในเร็ว ๆ นี้ โดยใช้พื้นที่ที่มีอยู่เดิม เป็นอาคารด้านข้าง ๆ กับปิยะเวท จะเปิดเป็นศูนย์รังษีรักษาเคมีบำบัด-ฉายแสง คาดว่าจะมีการลงทุนเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ประมาณ 500-600 ล้านบาท

โดยเบื้องต้นจะเป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับคนไข้ของปิยะเวท และคนไข้ในเครือบางปะกอก อีกเรื่องหนึ่งที่สนใจ คือ การดูแลผู้สูงอายุ หรือเนิร์สซิ่งโฮมเพื่อเป็นการรองรับการก้าวสู่สังคมสูงวัยของประเทศ ซึ่งคิดว่าเรื่องเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงวัยนี้ กลุ่มบางปะกอกและปิยะเวท มีหลายโครงการที่อยากจะเริ่มทำ ที่ผ่านมาได้มีการไปดูงานมาจากหลาย ๆ ที่

“เบื้องต้นการเปิดศูนย์สำหรับดูแลผู้สูงอายุ บางปะกอก มีโรงพยาบาลอยู่หลายโลเกชั่น และปิยะเวทก็มีพื้นที่อยู่บริเวณด้านหลัง และ รพ.บางปะกอก เกือบทุกสาขาก็จะมีพื้นที่รองรับและล้วนตั้งอยู่ในรัศมีใกล้ ๆ แต่ละสาขา ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมต่อกับ รพ.ได้

ซึ่งจะช่วยให้สะดวกและง่ายต่อการดูแลคนไข้กลุ่มนี้ ตอนนี้ก็มีการคุยกับพันธมิตรหลายราย และคาดว่าจะเป็นการลงทุนขนาดสเกลใหญ่เพราะมีพาร์ตเนอร์ที่สนใจและต้องการเข้ามาร่วมกันดูแลโครงการ หากการเจรจาสำเร็จ การลงทุนอาจจะต้องมีการตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ในลักษณะของ joint venture เพื่อดูแลในส่วนนี้โดยเฉพาะ” นายแพทย์วิทิตกล่าวและว่า

และภายในเดือนเมษายน หรือพฤษภาคมนี้ สถาบันสุขภาพและความงามตรัยญา มุ่งให้บริการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม medical wellness ทั้งเรื่องผิวพรรณและความงาม ศัลยกรรมความงาม เวชศาสตร์ชะลอวัย สปา และฟิตเนส จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ทำให้ต้องปิดให้บริการไประยะหนึ่ง และถือโอกาสรีโนเวตครั้งใหญ่

นอกจากการขยายการลงทุนในประเทศดังกล่าวแล้ว ที่ผ่านมายังมีการมองเรื่องของการขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศด้วย โดยก่อนหน้าที่โควิด-19 จะระบาด ก็มีธุรกิจจากอาเซียน ตะวันออกกลาง เข้ามาคุยมาทาบทาม

ซึ่งก็จะต้องใช้เวลาในการศึกษาเพื่อหาลู่ทางในการลงทุนดังกล่าว โดยอาจจะเป็นในลักษณะของการไปร่วมกับต่างประเทศที่สนใจอยากได้พวกเราไปช่วยบริหาร ไปช่วยทำให้เฮลท์แคร์เขาดีขึ้น ในภาคเอกชนนะ

กางแผนดึงคนไข้ต่างประเทศ

นายแพทย์วิทิตยังระบุด้วยว่า ส่วนแนวทางและกลยุทธ์การดำเนินงาน หลังจากโควิด-19 คลี่คลายลง หรือกลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ปิยะเวทมีนโยบายที่จะร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิต ประกันสุขภาพ มากขึ้น

เพื่อรองรับกลุ่มคนที่สนใจจะลดความเสี่ยงในเรื่องของการรักษาพยาบาลและสุขภาพ โดยแผนหลัก ๆ จะเน้นไปที่ฐานลูกค้าเดิม รวมถึงการขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ ทั้งที่เป็นคนไข้ทั่ว ๆ ไปและคนไข้ที่เป็นในแง่ขององค์กร หรือคอร์ปอเรต ซึ่งคาดว่าจากการที่โรงพยาบาลได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลคนไข้โควิดร่วมกับภาครัฐจะช่วยให้คนไข้รู้จักปิยะเวทมากขึ้น

สำหรับตลาดต่างประเทศที่ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลได้มีการโรดโชว์ และทำตลาดมาระยะหนึ่ง แต่พอมีโควิด-19 เข้ามา ตลาดส่วนนี้ก็ต้องชะลอไปโดยปริยาย แต่จากนี้ไปก็จะค่อย ๆ เริ่มกลับมาเริ่มต้นใหม่

โดยจะแบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ ประกอบด้วย ตลาดอาเซียน จีน ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

สำหรับตะวันออกกลาง หลังจากที่รัฐบาลเปิดสัมพันธภาพทางการทูตกับซาอุดีอาระเบีย ที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าหน้าที่ของซาอุฯได้เข้ามาเยี่ยมปิยะเวทแล้ว และสภาหอการค้าฯก็ได้จัดเวทีให้มีการพูดคุยกันแล้ว

ส่วนตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่ เบื้องต้นอาจจะต้องรออีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของทางการจีนว่าจะอนุญาตให้คนเดินทางออกนอกประเทศได้มากน้อยเพียงใด

และจะเริ่มเมื่อไหร่ ส่วนคนไข้จากอาเซียนตอนนี้ก็เริ่มกลับเข้ามาแล้วบ้างจำนวนหนึ่ง ทั้งคนไข้จากกัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ที่ทยอยเดินทางกลับมารักษาในบ้านเราเป็นระยะ ๆ และคาดหวังว่าหากโควิดสงบ กลุ่มนี้จะกลับเข้ามามากขึ้น


“ตะวันออกกลาง-ซาอุฯจะเป็นเป้าหมายใหญ่หนึ่ง นอกจากนี้ก็คาดหวังตลาดจีน ส่วนแอฟริกาก็อาจจะต้องรออีกสักระยะหนึ่งเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาปกติก็จะมีเดินทางเข้ามามากพอสมควร แต่พอเกิดโควิดตลาดนี้ก็ลดลงมาก ประกอบกับในแง่ของค่าใช้จ่ายสูง การเดินทางค่อนข้างสูง” นายแพทย์วิทิตกล่าวในตอนท้าย