ยักษ์เกาหลีดาหน้าบุกขายตรง “อะโทมี่” จัดทัพใหญ่ชิง 7 หมื่นล.

“อะโทมี่” ขายตรงแดนโสมหน้าใหม่บุกไทย ซุ่มรบบุกเงียบ ๆ 10 เดือนปั้นฐานสมาชิก 60,000 คน พร้อมปูพรมศูนย์กระจายสินค้ากว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ชูจุดเด่นสินค้าสุขภาพเมดอินเกาหลีราคาจับต้องได้ ส่งรางวัลเร้าใจปลุกตลาดทั้งตั๋วเครื่องบิน-เงินสด-รถยนต์ หวังท้าชนเจ้าตลาด ด้าน สคบ.ชี้ยักษ์เกาหลีเตรียมบุก 2-3 ราย

ตลาดขายตรง 7 หมื่นล้านมีความเคลื่อนไหวที่คึกคักและร้อนแรง เมื่อผู้ประกอบการรายใหญ่จากเกาหลีบุกเข้ามาลุยตลาด 2-3 ราย และ 1 ในนั้นภายใต้แบรนด์ “อะโทมี่” (atomy) ได้ซุ่มทำตลาดและสร้างฐานสมาชิกพร้อมตั้งเครือข่ายครอบคลุมกว่า 40 สาขาทั่วประเทศ ด้วยจุดขายนวัตกรรมสินค้าเกาหลีในราคาย่อมเยา และอินเทนซีฟที่รุนแรงเพื่อปลุกใจทีมนักขายสมาชิก

ปูพรมเครือข่ายทั่ว ปท.

แหล่งข่าวจากบริษัท อะโทมี่ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อะโทมี่เป็นผู้ประกอบการขายตรงสัญชาติเกาหลี ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2552 โดยนายฮันกิล ปาร์ค ก่อนจะขยายสาขาไปยังประเทศต่าง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา ไต้หวัน สิงคโปร์ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม โดยปี 2559 มีรายได้รวมทั่วโลก 9.04 แสนล้านวอน หรือประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท ก่อนจะซุ่มตั้งสาขาไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2559 เนื่องจากยังมีโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมสินค้าความงามจากเกาหลี กระแสสุขภาพ รวมถึงจุดแข็งเรื่องราคาสินค้าของบริษัทเอง

โดยเริ่มสร้างการรับรู้ทางออนไลน์และปากต่อปากเพื่อสร้างฐานสมาชิก ก่อนจะเปิดระบบซื้อขายสินค้าทางออนไลน์เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเริ่มรับสมัครสมาชิก จนปัจจุบันมียอดสมาชิกประมาณ 60,000 คน และเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน ส.ค. 2560 นี้

“ขณะนี้มีสมาชิกระดับกลางแล้วประมาณ 100 คนแล้ว เนื่องจากการสร้างการรับรู้ล่วงหน้าช่วยให้มีการจับกลุ่มสร้างเครือข่ายก่อนเปิดขายสินค้า”

ราคา-นวัตกรรมปลุกตลาด

จุดขายหลักของแบรนด์อยู่ที่สินค้าเมดอินเกาหลี ทั้งกลุ่มความงาม อาหารเสริม อาหาร แฟชั่นและเครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาเข้าถึงได้ รวมถึงกลยุทธ์เพิ่มจำนวนชิ้นและปริมาณเพื่อสร้างความคุ้มค่าช่วยให้สามารถขายได้ง่าย และระบบการตลาดซึ่งหนุนให้สมาชิกทำงานเป็นทีมและกระตุ้นให้ตั้งศูนย์กระจายสินค้าในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงการจูงใจด้วยรางวัลพิเศษเมื่อเลื่อนระดับชั้น

โดยสินค้าไฮไลต์จะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาหารเสริมและของใช้ส่วนบุคคล ซึ่งราคาต่ำกว่าเคาน์เตอร์แบรนด์-ห้างสรรพสินค้า อาทิ ชุดสกินแคร์ 6 ชิ้น ราคา 3,750 บาท แปรงสีฟันชุด 8 ชิ้น ราคา 360 บาท เป็นต้น และหลังจากนี้จะทยอยนำสินค้ากลุ่มใหม่ ๆ เข้ามาต่อเนื่อง พร้อมกับขยายฐานสมาชิก ด้วยการจัดสัมมนาในกรุงเทพฯ-จังหวัดหัวเมือง อาทิ เชียงใหม่ และสื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เน้นชูจุดขายทั้งสินค้าและแผนธุรกิจที่หนุนให้หัวหน้าทีมต้องช่วยเหลือดาวน์ไลน์เพื่อเลื่อนระดับ

ค่าตอบแทนเร้าใจปั้นเครือข่าย

รวมถึงรางวัลตอบแทนเมื่อเลื่อนระดับ เช่น เงินสดสูงสุด 30 ล้านบาท ทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ 10 วัน พร้อมพ็อกเกตมันนี่ 1.2 แสนบาท รถยนต์พร้อมคนขับ ค่าเช่าห้องแบบออฟฟิศเทลขนาด 200 ตารางเมตรพร้อมเลขาฯ เป็นต้น เพื่อจูงใจสมาชิกให้สมัครและทำธุรกิจต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังเน้นให้สมาชิกจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าและออฟฟิศในพื้นที่ของตนเอง ด้วยการให้ค่าคอมมิสชั่น 6% จากคะแนนของสมาชิกในแต่ละศูนย์ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างเครือข่ายขนส่งและกระจายสินค้าได้รวดเร็ว แม้จะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ โดยปัจจุบันมีศูนย์ทั่วประเทศประมาณ 39 แห่ง และอยู่ระหว่างรออนุมัติอีก 141 แห่ง

ขายตรงเกาหลีแห่บุก

นายณัชภัทร ขาวแก้ว นิติกรชำนาญการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัท อะโทมี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่งจดทะเบียนบริษัทขายตรงเมื่อเดือนมีนาคม ทั้งนี้ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนนับจากปีงบประมาณ (ตุลาคม 2559-มิถุนายน 2560) มีผู้ยื่นขอจดทะเบียนขายตรงรายใหม่กว่า 80 รายใกล้เคียงที่ผ่านมา ในจำนวนนี้มีเกือบ 40 รายที่ผ่านการจดทะเบียนขายตรงแล้ว และมีอินเตอร์แบรนด์ประมาณ 2-3 รายจากเกาหลี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาหรือนำส่งเอกสารให้ครบ ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนขายตรงประมาณ 1,000 กว่าราย ส่วนจำนวนผู้ขอยกเลิกทำธุรกิจขายตรงหรือขอเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากขายตรงเป็นขายปลีกมีประมาณ 10 ราย หรือเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ราย ถือเป็นปกติ

ก่อนหน้านี้ “รูอัน” ขายตรงสัญชาติเกาหลี ได้เข้ามาบุกตลาดและเปิดสำนักงานในต่างประเทศที่เมืองไทยเป็นแห่งแรกที่อยู่นอกเกาหลี หลังมองเห็นศักยภาพเมืองไทยที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน เหมาะแก่การเปิดสาขาเพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจในอนาคต ซึ่งรูอันได้วางให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน และเป็นคลังสินค้าของอาเซียน

ตลาดโตดี 7 หมื่นล้าน

นางสุชาดา ธีรวชิรกุล นายกสมาคมการขายตรงไทย ฉายภาพรวมของธุรกิจขายตรงไทยไตรมาสแรกที่ผ่านมาเติบโต 2-3% โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เข้ามาในธุรกิจ เนื่องจากต้องการประกอบธุรกิจส่วนตัวสูงถึง 30% รวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการหารายได้เสริมจากงานประจำ โดยกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงสุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดถึง 45% ของตลาดขายตรงรวม ขณะเดียวกันสื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญหลาย ๆ บริษัทในธุรกิจขายตรงเริ่มตื่นตัวและหันมาเพิ่มช่องการสื่อสาร เพื่อสร้างแบรนด์คอนเน็กชั่น กับผู้บริโภคในช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มากขึ้น โดยคาดว่าตลอดปีนี้ธุรกิจขายตรงจะเติบโต 5-8% หรือมูลค่า 70,000 ล้านบาท