มัลติแบรนด์ความงามร้อนฉ่าสปีดสาขารับดีมานด์โตแรง

ร้านมัลติแบรนด์ความงามฮอตไม่เลิก “อีฟแอนด์บอย-บิวเทรียม-สตาร์ดัส” เดินหน้าผุดสาขาใหม่อีกเพียบ ก่อนเตรียมเปิดตัวอีคอมเมิร์ซเสริมทัพ รับกำลังซื้อเครื่องสำอาง-สกินแคร์แรงไม่ตก หลังเคาน์เตอร์แบรนด์ยังยอม หันปรับกลยุทธ์เปิดช็อปอินช็อปนอกห้าง คาดดีกรีแข่งขันร้อนระอุ สารพัดโปรโมชั่น-แบรนด์ใหม่ชิงลูกค้า

การสำรวจจาก ม.หอการค้าไทยที่จัดทำขึ้นทุกปี เกี่ยวกับการจัดอันดับธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง โดยพิจารณาจากข้อมูลหลาย ๆ ด้าน ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ยอดขาย ต้นทุน กำไรสุทธิ และความต้องการสอดคล้องกับกระแสนิยม ซึ่งในปี 2561 พบว่าธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม ธุรกิจเครื่องสำอาง และครีมบำรุงผิว ยังเป็นธุรกิจดาวรุ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 7

เช่นเดียวกับแหล่งข่าวระดับสูงในวงการค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงาม ได้ฉายภาพกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2561 ตลาดของร้านมัลติแบรนด์ความงาม รวมถึงร้านค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงาม ยังคงเติบโต แต่จะมีการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้น ด้วยจำนวนผู้เล่นใหม่ ๆ ที่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และผู้เล่นเดิมก็ออกมาแอ็กทีฟ กระตุ้นตลาดและยอดขายกันทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขยายสาขา รูปแบบการตกแต่งของร้าน โปรโมชั่น ฯลฯ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการ และเกิดการจับจ่าย ตลอดจนการที่แต่ละค่ายจะเริ่มเปิดตัวช่องทางอีคอมเมิร์ซ รองรับการสั่งซื้อออนไลน์ เพื่อสร้างการเข้าถึงที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่มีเวลาจำกัด และกระแสของการช็อปปิ้งออนไลน์ที่มาแรงและเติบโตสูงในขณะนี้

นายหิรัญ ตันมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด ผู้บริหารร้านความงามมัลติแบรนด์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากดีมานด์ของผู้บริโภคในสินค้าความสวยความงามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมมากขึ้นปีละ 4 สาขา จากปีที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 12 สาขา เน้นไซซ์ใหญ่ 500-1,000 ตร.ม. เพื่อนำสินค้าเข้าไปตอบโจทย์ได้อย่างครบครัน โดยปัจจุบันมีแบรนด์เครื่องสำอางอยู่กว่า 1,000 แบรนด์ ตั้งแต่กลุ่มแมส ไปจนถึงลักเซอรี่ รองรับความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย ตลอดจนการพัฒนารูปแบบของร้าน การทำโปรโมชั่น การคัดเลือกสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่ มาสร้างความตื่นเต้นให้อยู่เสมอ พร้อมกับการขยายช่องทางการขายใหม่ ๆ อย่างอีคอมเมิร์ซ ที่กำลังพัฒนาขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าของอีฟแอนด์บอยได้ง่ายและสะดวกขึ้น ภายใต้เว็บไซต์ www.eveandboy.com คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ปีนี้

ส่วนกลยุทธ์สำคัญที่กระตุ้นยอดขาย นอกจากจะใช้โปรโมชั่นลดราคาอยู่ประจำแล้ว ยังได้ปรับสัดส่วนแบรนด์เครื่องสำอางพรีเมี่ยมมากขึ้น จากเดิม 40% เป็น 80% และดึงกลุ่มเคาน์เตอร์แบรนด์มาเปิดช็อปอินช็อปในร้าน สร้างความแตกต่างและรับกับโอกาสที่ตลาดบนยังโตต่อเนื่อง

นายอติโรจน์ โรจน์รัตนวลี กรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรียม จำกัด ผู้บริหารร้านความงามมัลติแบรนด์ ระบุว่า ปลายปีที่ผ่านมาได้รับคอนเซ็ปต์ร้านบิวเทรียมใหม่ ให้มีความทันสมัย ใช้สีสันมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม หรือให้ลูกค้าทดลองสินค้าภายในร้าน ตอบโจทย์ประสบการณ์ช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ และในช่วง 1-2 ปีจากนี้ มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มปีละ 3-5 สาขา ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและหัวเมืองต่างจังหวัด ใช้พื้นที่ต่อสาขาประมาณ 500 ตร.ม. รองรับสินค้ากว่า 30,000 รายการ พร้อมกับพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซ เพื่อรองรับการสั่งสื่อออนไลน์ หลังจากที่เปิดให้สั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ก ไลน์ออฟฟิเชียลแอ็กเคานต์ได้แล้วในปัจจุบัน และอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนคลังสินค้าเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ตลอดจนขยายบริการชำระเงินผ่านอาลีเพย์ และวีแชทเพย์ จากเดิมที่มีเฉพาะสาขาเซ็นเตอร์พอยต์ ออฟ สยามสแควร์ ให้ครอบคลุมทุกสาขา เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เสริมความแข็งแกร่งในด้านฐานลูกค้าให้กว้างและหลากหลายมากขึ้น

นางสาวณลันรัตน์ นันท์นนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านแมงป่อง กิซแมน ร้านมัลติแบรนด์ความงามสตาร์ดัส ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทได้แตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจความงาม ผ่านร้านสตาร์ดัส และแบรนด์เครื่องสำอาง คลาวด้า เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นโอกาสของตลาดความงามมีศักยภาพเติบโตสูง เฉลี่ย 10-15% ต่อปี มีมูลค่าตลาดเกือบ 2 แสนล้านบาท ปัจจุบันสตาร์ดัสมี 8 สาขาทั่วประเทศ และมีสินค้าของคลาวด้าครอบคลุมหลายแคทิกอรี่ อาทิ แป้ง ลิปสติก อายแชโดว์ มาสคาร่า ฯลฯ วางขายที่ร้านสตาร์ดัสและช่องทางออนไลน์ อาทิ ลาซาด้า อีเลฟเว่นสตรีท ช้อปปี้ เป็นต้น

ในปีนี้เตรียมที่จะขยายสาขาของสตาร์ดัส พร้อมกับร้านแมงป่อง และกิซแมนอีก 1-2 สาขา ในทำเลที่สามารถเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น พร้อมกับขยายช่องทางจำหน่ายของแบรนด์เครื่องสำอางไปยังต่างประเทศ ผ่านรูปแบบของตัวแทนจำหน่าย โดยคาดว่าจะเข้าไปในเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันของผู้เล่นในตลาดร้านมัลติแบรนด์ความงามของทุกแบรนด์ เน้นการทำโปรโมชั่นซึ่งจะหมุนเวียนไปตามแคทิกอรี่สินค้า พร้อมกับใช้ช่องทางเฟซบุ๊ก หรือสื่อโซเชียล กระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ และจะมีการจัดลดราคาสูงสุด 80-90% เป็นระยะ ๆ เพื่อโละสต๊อกเก่า และดึงให้ผู้บริโภคเข้ามาจับจ่ายภายในร้าน เพื่อกระตุ้นยอดขายโดยรวม ตลอดจนการคัดเลือกแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาสร้างความน่าสนใจภายในร้านอยู่ตลอด รวมถึงการมีเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง