มอริสลาครัวซ์โตสวนกระแส กางแผนรุกตลาดนาฬิกาหรู

สงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบต้นทุนนาฬิกาหรู “มอริส ลาครัวซ์” ปรับแผน เบนเข็มเจาะเอเชีย ชูฮ่องกงเป็นฮับ ลดเวลา-ลดต้นทุนขนส่ง เปิดบูติคช็อปแห่งแรก หลังยอดขาย 5 เดือนแรกโตทะลุเป้า 20% เตรียมส่งคอลเล็กชั่นใหม่ Special Edition ในไทย เปิดจอง ก.ค.นี้ ลั่นสิ้นปีโต 40%

นายรวิศ เหตานุรักษ์ ผู้จัดการแบรนด์มอริส ลาครัวซ์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจำหน่ายนาฬิกา “มอริส ลาครัวซ์” (Maurice Lacroix) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดนาฬิกายังได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้น จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนช่วงที่ผ่านมา

และเนื่องจากรัสเซียถือเป็นตลาดใหญ่ของนาฬิกา รวมถึงมอริส ลาครัวซ์ ซึ่งการเกิดสงครามขึ้นก็ส่งผลให้บริษัทต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากในแง่ของยอดขายมากพอสมควรเนื่องจากยอดขายในตลาดรัสเซียมีสัดส่วนมากถึง 20-30% ของตลาดในยุโรป

สำหรับมอริส ลาครัวซ์ เดิมปีนี้มีแผนจะเปิดตัวนาฬิกาควอตซ์ ราคาระดับปานกลางในรัสเซีย เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่การมีสงครามเกิดขึ้น จึงต้องปรับแผนงาน แผนการตลาดใหม่ ด้วยการปรับโฟกัสการทำตลาดไปที่อเมริกาที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นมาก

ส่วนตลาดในเอเชีย หลังบริษัทเริ่มบุกตลาดฮ่องกงและจีน ตัวเลขก็กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยมีการทำทั้งคอลเล็กชั่นพิเศษ และเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ รวมถึงมีการปรับส่วนลดสำหรับลูกค้าลงเหลือ 10% จากเดิม 15% เพื่อทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ในจุดที่ยังสามารถตรึงราคาได้อีกระยะหนึ่ง

นายรวิศกล่าวว่า “หลังจากกลับมาโฟกัสโซนอเมริกา ฮ่องกง จีน และอาเซียนมากขึ้น พบว่าสามารถทดแทนยอดขายเดิมได้ แต่ต้องมีการปรับแผนงานบ้างเล็กน้อย ล่าสุดได้มีการปรับระบบการบริหารจัดการต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย และระยะเวลาการขนส่ง ด้วยการใช้ฮ่องกงเป็นฐานในการกระจายสินค้าไปยังทั่วภูมิภาคเอเชีย

จากที่ผ่านมาจะต้องส่งตรงจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้เริ่มทดลองนำร่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และยังเป็นช่วงทดลองและปรับกระบวนการอยู่ แต่ในระยะยาวการทำตลาดเอเชียของมอริส ลาครัวซ์ จะใช้ฮ่องกงเป็นฐานแบบ 100% แน่นอน”

“การปรับระบบการขนส่งและกระจายสินค้าดังกล่าว ทำให้สินค้าส่งถึงมือดิสทริบิวเตอร์ได้ง่ายขึ้น แต่ในส่วนของประเทศไทยยังไม่เต็ม 100% มากนัก เนื่องจากยังต้องหาจุดที่พอดี และจะพยายามบริหารจัดการต้นทุนให้ดีที่สุดและต่อเนื่อง เนื่องจากไม่ต้องการปรับราคาขึ้นอีกระลอก หลังจากปรับราคาไปครั้งหนึ่งเมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2564 ที่ผ่านมาราว 10% ในกลุ่มนาฬิกาเมนสตรีม”

ขณะที่ยอดขายในไทยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตขึ้นมากกว่า 60% เกินเป้าหมายที่วางไว้ถึง 20% จึงได้เดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิด Maurice Lacroix Boutique ที่ศูนย์การค้าเกษรวิจเลจ เมื่อช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่ามีศักยภาพการเติบโตสูง

ควบคู่กับการเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ และปรับภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัย ผ่านการตกแต่งหน้าร้านในคอนเซ็ปต์เออร์เบินสปิริตมากขึ้น เพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่

นอกจากนี้บริษัทแม่ยังมองเห็นศักยภาพของตลาดในเอเชีย ที่มีตัวเลขการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จึงมีการจัดเตรียมคอลเล็กชั่นพิเศษสำหรับเอเชียโดยเฉพาะ Asia Limited Editon และหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย ที่จะมีการเปิดตัวคอลเล็กชั่นพิเศษ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565

ด้วยการเปิดตัวงานคอลแลบส์กับศิลปินชาวไทย คุณปริญญา ศิริสินสุข Street Artist หรือเบนซิลล่า Friends of the Brand เปิดตัวคอลเล็กชั่นพิเศษ มอริส ลาครัวซ์ รุ่น Special Edition ในไทย พร้อมเปิดจองเป็นครั้งแรก ก่อนจะเดินหน้าเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ต่อเนื่อง ก่อนจะวางแผนงานในอีก 2 ปีข้างหน้าในการขยายบูติคเพิ่ม เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว

“ในส่วนของประเทศไทย หลังจากมีการทำตลาดเชิงรุก พร้อมจัดทัพนาฬิกาใหม่เข้ามาทำตลาดมากขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้แบรนด์มีกำไรและยอดขายดีขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา สามารถสร้างการเติบโตเกินเป้าที่วางไว้ 20% และวางเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 40% ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการเปิดบูติคอย่างเป็นทางการ


“หลังจากที่ผ่านมาบริษัทพึ่งพาการขายผ่านดีพาร์ตเมนต์เป็นส่วนใหญ่ หลังไตรมาส 3-4 เป็นต้นไป หากสถานการณ์ด้านน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และปัจจัยลบในต่างประเทศยังไม่นิ่ง เชื่อว่าภาพรวมตลาดนาฬิกาจะมีการปรับราคาขึ้นอีกครั้ง” นายรวิศกล่าว