คนไทยหย่อนมาตรการโควิด สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างลดลง

หน้ากากอนามัย

กระทรวงสาธารณสุขเผยผลสำรวจอนามัยโพล ช่วง 3 เดือนพบคนไทยย่อหย่อนมาตรการโควิด สวมหน้ากาก-ล้างมือ-เว้นระยะห่างลดลงเหลือร้อยละ 74.1 เท่านั้น 

วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่อาจส่งผลให้มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นนั้น การป้องกันตนเองด้วยหลัก UP (Universal Prevention) เพื่อลดความเสี่ยงของโรค ถือเป็นพฤติกรรมสุขภาพที่ประชาชนทุกวัยยังคงต้องปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง

แต่จากผลการสำรวจอนามัยโพลเกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค พบว่าในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565 ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากลดลง จากร้อยละ 96.1 ในเดือนพฤษภาคม ลดลงเป็นร้อยละ 94.6 ในเดือนกรกฎาคม

ส่วนการล้างมือลดลงจากร้อยละ 91.5 เป็นร้อยละ 88.1 และการเว้นระยะห่างลดลงจากร้อยละ 84.6 เป็นร้อยละ 78.6 ซึ่งในภาพรวมพบว่าผู้ที่ทำได้ครบทั้ง 3 พฤติกรรมมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก จากร้อยละ 82 เป็นร้อยละ 74.1 เท่านั้น

​”ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวนี้คาดว่าในหลายสถานที่ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะมีประชาชนไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการจึงต้องเข้มมาตรการป้องกันโรค โดยจัดให้มีจุดบริการล้างมือที่เพียงพอ และดูแลให้มีการระบายอากาศที่ดีเพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย”


“ขณะที่ผู้ใช้บริการขอให้สร้างสุขอนามัยที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ รวมทั้งสถานที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วย” นพ.สุวรรณชัยกล่าว