กรมควบคุมโรค พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 13 ราย จากผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 2

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 13 ราย หลังเร่งติดตามค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกรณีผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายที่ 2

วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า จากกรณีพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายที่ 2 ในกรุงเทพมหานคร ขณะนี้พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 13 ราย อยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อและสังเกตอาการพร้อมกักตัว 21 วัน

ส่วนผู้ป่วยรายที่ 2 พบว่ามีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับชายต่างชาติโดยไม่ได้ป้องกันในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 และเริ่มมีอาการไข้ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2565

ต่อมาอีก 3 วัน เริ่มมีตุ่มหนองที่อวัยวะเพศ ไปซื้อยามาทาเอง แต่อาการไม่ดีขึ้น อวัยวะเพศบวม มีหนอง ปัสสาวะสีขุ่น และเริ่มมีผื่นขึ้นที่ใบหน้าแถวระหว่างคิ้ว แขนขา ลำตัว

จากนั้นผู้ป่วยจึงไปเข้าระบบคัดกรองที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งผู้ป่วยมีอาการและมีประวัติสัมผัสเสี่ยงที่เข้าได้กับโรคฝีดาษลิง

จึงได้แยกผู้ป่วยไปที่ห้องตรวจแยกโรคที่จัดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ และได้เก็บส่งตรวจจากตุ่มหนอง คอหอย และเลือด ส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

พร้อมกับรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยแยกโรคแรงดันลบ (AIIR) และผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง ยืนยันว่ามีการติดเชื้อฝีดาษลิง

อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำประชาชนว่าโรคฝีดาษลิงไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย ๆ ซึ่งจะติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิดมาก ๆ โดยการสัมผัสกับตุ่ม หนอง แผล หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย พร้อมย้ำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 สามารถใช้ได้กับโรคฝีดาษลิง โดยหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง กินอาหารปรุงสุก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงกับผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง หรือผู้ป่วยต้องสงสัย

ทั้งนี้ ขอให้กลุ่มเสี่ยงเพิ่มความระมัดระวังและลดการสัมผัสใกล้ชิดกับคนแปลกหน้า หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงหรือคู่นอนที่ไม่รู้จัก เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อฝีดาษลิง และลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ

หากประชาชนมีอาการสงสัยว่าตนเองมีอาการป่วยเข้าได้กับโรคฝีดาษลิง สามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับการตรวจหาเชื้อได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคโทร.1422