“บล.กรุงศรี” เชียร์ซื้อ “TOP-PTTGC-SPRC” รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว

“บล.กรุงศรี” ชี้ช่องลงทุนหุ้นพลังงาน “TOP-PTTGC-SPRC” รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว-กระแสข่าวกลุ่มโอเปกขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบยาวถึง มิ.ย.63

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ 29 ม.ค.63 ว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลาง โดยคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) จะแกว่งตัวในกรอบ 1,505 – 1,525 จุด แม้ว่าปัจจัยลบเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะยังคงอยู่ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 132 ราย และผู้ติดเชื้อ 5,974 ราย รวมถึงปัจจัยลบจากกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่เป็นการขายสุทธิ (Net Sell) ต่อเนื่องจะเป็นแรงกดดันดัชนี

อย่างไรก็ตาม SET Index ได้ปรับตัวลงตอบรับข่าวลบไประดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับวันนี้คาดว่าจะได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้น รวมถึงสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ดีดตัวขึ้น และราคาทองคำอ่อนตัวลง จะช่วยหนุนบรรยากาศ (sentiment) การลงทุนในระยะสั้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นหลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มโอเปกอาจขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงเดือน มิ.ย. (เดิมสิ้นสุดเดือน มี.ค.) จะเป็นบวกต่อดัชนีด้วยเช่นกัน

ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 28 – 29 ม.ค. โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75%

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกลงทุนรายตัว (Selective Buy) ในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ TOP, PTTGC และ SPRC อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นและราคาหุ้นปรับตัวลงมาในเขตที่มีการขายมากเกินไป (Oversold) กลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA และ DELTA รวมถึงกลุ่มอาหาร ได้แก่ CPF, TFG และ TU อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า

นอกจากนี้ แนะนำกลุ่มปลอดภัย (Defensive) ที่งบไตรมาส 4/62 คาดว่าจะออกมาดีและดีต่อเนื่องในปีนี้ ได้แก่ GPSC, GULF, JMT, CPF, SAWAD, MTC, BTS, BEM, INTUCH, ADVANC, OSP, และ CBG

ด้านหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TOP (ราคาปิดล่าสุดที่ 51.25 บาท ราคาซื้อ/เป้า 79.00 บาท) โดยชี้ว่าราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินไป (34% ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน) ขณะที่ปัจจุบันค่าการกลั่นกลับมาพลิกเป็นบวกแล้ว หลังจากที่ 2 เดือนก่อนหน้าเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยมองว่ามูลค่า (Valuation) ปัจจุบันค่อนข้างถูก และราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) ของ TOP ที่ 58.00 บาท


ถัดมาแนะนำ INTUCH (ราคาปิด 58.50 บาท ซื้อ/เป้า 81.00 บาท) โดยชี้ว่า INTUCH เหมาะสำหรับหลบภัยในภาวะตลาดผันผวน เนื่องจากจ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้อัตราเงินปันผล (Dividend Yield) สูง ประมาณ 4.5% ต่อปี สูงกว่าเมื่อเทียบกับ ADVANC ที่ 3.5% ขณะที่ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมีส่วนลด (Discount) จากมูลค่า NAV ถึง 28% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 20-25%