“เบนซ์” ปลื้มโตสูงสุดในเอเชีย ชู “ปลั๊ก-อิน” เจน2 ตั้ง 11 โชว์รูมดูแล AMG

“เบนซ์” ผนึกธนบุรีประกอบรถยนต์ เดินเครื่องรถอีวีและปลั๊ก-อิน ไฮบริด เผยยื่นเรื่องบีโอไอเรียบร้อยพร้อมลงมือผลิตทันที ระบุโมเดลใหม่ใช้เครื่องยนต์เจเนอเรชั่นที่ 2 ปลื้มปี”60 กวาดยอดขาย 14,484 คัน โตสูงสุดในเอเชีย

นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทพร้อมขึ้นไลน์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และกลุ่มรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด หลังตัดสินใจขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอภายใต้แพ็กเกจที่รัฐบาลสนับสนุน โดยจะใช้โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ แต่รายละเอียดเงื่อนไขและเม็ดเงินลงทุนยังไม่สามารถเปิดเผยได้

นายเกรเว่กล่าวอีกว่า สเต็ปแรกจะเริ่มด้วยรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม โดยลูกค้าจะได้เห็นผลงานภายในปีนี้แน่นอน พร้อมเครื่องยนต์เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ยังไม่เคยทำตลาดในประเทศไทยมาก่อน ส่วนสเต็ปต่อไปคือรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน

“โรงงานธนบุรีฯมีกำลังการผลิต 40,000 คันต่อปี และทั้งหมดผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศเท่านั้น โปรเจ็กต์นี้สอดคล้องกับแนวทางการทำตลาดทั่วโลกของบริษัทแม่ ที่ต้องการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ต้องบอกว่านโยบายของรัฐบาลไทยถือเป็นนโยบายที่ดีที่สุดแห่งภูมิภาคนี้ แม้ว่ารถปลั๊ก-อิน ไฮบริดจะมีอินเซนทีฟดีกว่ารถอีวี แต่ถือเป็นเทรนด์อนาคตที่จะต้องมีอย่างแน่นอน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ราคาของรถในโครงการนี้จะถูกลงมากน้อยแค่ไหน นายเกรเว่กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องดูองค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน รวมถึงพิจารณาตลาดรถยนต์ในปีนี้ทั้งปัจจัยบวกคือ การลงทุนจากภาครัฐ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จีดีพีที่ปรับตัวดีขึ้น

สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 14,484 คัน แบ่งสัดส่วนออกเป็นกลุ่มลักเซอรี่คาร์ 46% กลุ่มคอมแพ็กต์คาร์ 24% กลุ่มดรีมคาร์ 12% และกลุ่มเอสยูวี 18%

“ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มียอดขายโตสุด 22.7% รองลงไปเป็น เกาหลีใต้ 20%, อินเดีย 15.9%, ไต้หวัน 8.1%, ออสเตรเลีย 2.8%, มาเลเซีย 2.3%, ญี่ปุ่น 0.4% ไม่รวมประเทศจีน”

นอกจากนี้ บริษัทได้แต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 11 แห่งในปีนี้ จากตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ 32 แห่ง ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเคเค สาขาถนนกาญจนภิเษกและวิภาวดีรังสิต, ธนบุรี พาณิชย์ สาขาราชดำเนิน ลุมพินี และงามวงศ์วาน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทีทีซี, ทองหล่อ กรุ๊ป, เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตลิ่งชัน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ ราชครู, เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภูเก็ต และเบนซ์ สตาร์แฟลก

“ปัจจัยความสำเร็จดังกล่าว มาจากการดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะมอบ “สิ่งที่ดีที่สุด” (The Best) ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้า ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขาย

ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอรถยนต์รวม 18 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังสร้างสีสันให้กับวงการรถหรู ด้วยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของแบรนด์รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีและแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้าลักเซอรี่

เมอร์เซเดส-มายบัค รวมถึงแบรนด์เทคโนโลยี อีคิว-Electric Intelligence by Mercedes-Benz เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าของเรา ในขณะที่ด้านบริการหลังการขาย เราได้เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อรถยนต์จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยการแนะนำบริการ 24-h Service Vito บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อมอบความอุ่นใจ ไร้กังวลตลอดการเดินทางในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย”

นายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้พร้อมส่งยนตรกรรมที่ดีที่สุดมากกว่า 10 รุ่น ครอบคลุมทุกกลุ่ม และเตรียมรุกตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงอย่างเต็มที่ โดยมีแบรนด์ เมอร์เซเดส-เอเอมจีเป็นแบรนด์ไฮไลต์ ซึ่งในไตรมาสแรกจะทำการเปิดตัวยนตรกรรมแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นใหม่

อย่าง C43 คูเป้ผลิตในประเทศ รวมถึงเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อรถยนต์กลุ่มนี้ ด้วยการเปิดตัวผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย