เกลน ตัน “ซูบารุไทย ต้องโตเป็นเท่าตัว”

วันก่อน “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสร่วมงาน สิงคโปร์ มอเตอร์โชว์ 2018 พร้อมร่วมงานเปิดตัว Subaru Eyesight Technology with Outback and XV จากค่ายตันจง กรุ๊ป กลุ่มทุนสิงคโปร์ ที่ขยายอาณาจักรในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ไปทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศไทยภายใต้อาณาจักรของผู้บริหารหนุ่มคนรุ่นใหม่ “เกลน ตัน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เขาประกาศผลงานปี 2560 พร้อมทั้งแผนการขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทยและกลุ่มตันจง กรุ๊ปปีนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

Q : แนวทางการขยายธุรกิจในเครือ

สำหรับกลุ่มตันจง ธุรกิจหลัก ๆ ของเราในกลุ่มมีทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซูบารุในกลุ่มประเทศอาเซียน และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสันในสิงคโปร์ ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งให้บริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ธุรกิจโลจิสติกส์รถลิมูซีนวิ่งภายในย่านดาวน์ทาวน์ของสิงคโปร์

นอกจากนี้ยังมีบริษัทในประเทศไทยอีกหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นทีซี ซูบารุ ที่จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุ, แบรนด์ MAN จำหน่ายรถบรรทุกและรถโดยสาร, แบรนด์ FOTON รถบรรทุก-หัวลาก, แบรนด์ SCHWING Stetter จำหน่ายรถมิกเซอร์-รถโม่ปูน, แบรนด์ฉางอาน รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก รวมทั้งธุรกิจรถเทรลเลอร์ ร่วมทุนกับบริษัทจากญี่ปุ่น ธุรกิจไหนที่มีช่องทางเราก็จะขยายให้ใหญ่โตขึ้น

Q : แผนการลงทุนของกลุ่มนับจากนี้

ตอนนี้สำหรับกลุ่มเราโฟกัสไปที่โรงงานผลิตรถยนต์ซูบารุในประเทศไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการหลักสำหรับปีนี้ สำหรับโรงงานแห่งนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการผลิตได้ในเดือนมีนาคมปี 2562

โดยจะเริ่มประกอบรถซูบารุ ฟอเรสเตอร์ก่อน ด้วยกำลังการผลิต 6,000 คันต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตทั้งหมดของโรงงานแห่งนี้ทำได้ 30,000 คันต่อปี โดยหลัก ๆ จะเป็นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในไทย รวมทั้งตลาดส่งออกไปยังมาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา

นอกจากนี้บริษัทยังได้ออกแบบให้โรงงานนี้มีความยืดหยุ่น รองรับการประกอบรถยนต์ได้ถึง 3 รุ่น แต่อนาคตจะเป็นรุ่นใดนั้น ต้องใช้เวลาศึกษา และมีความเป็นไปได้ว่า ซูบารุ เอ็กซ์วี อาจจะขึ้นไลน์ผลิตที่นี่ด้วย เราต้องการควบคุมการผลิตให้เกิดคุณภาพสูงสุด และให้ดีที่สุด โดยดูความต้องการของตลาดเป็นสำคัญ

Q : จากนี้ราคารถซูบารุจะมีเสถียรภาพมากขึ้น

แน่นอนว่าวันนี้เราได้ทีมบริหารเป็นคนไทยแล้ว เราหวังว่าซูบารุประเทศไทยจะดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน ทั้งยอดขาย บริการหลังการขาย การดูแลลูกค้า และราคาจำหน่ายให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

แต่ทั้งนี้เรายังต้องดูต้นทุนทั้งหมดที่ได้ลงทุนไป ต้นทุนด้านบุคลากรที่จะมีเจ้าหน้าที่จากโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาดูแลเรื่องประสิทธิภาพในการผลิต, โลคอลคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ต้องนำเข้ามา แล้วมาดูโดยรวม เรามั่นใจว่าทุกอย่างจะดีขึ้น

ความมั่นใจดังกล่าวทำให้เราตั้งเป้ายอดขายในประเทศไทยไว้โตเท่าตัว จาก 1,900 คันในปีที่ผ่านมา เป็น 3,860 คันในปีนี้ ส่วนยอดขายซูบารุทั้งกลุ่ม จาก 9 ประเทศที่เราทำได้ในปีก่อน 24,000 คัน

ส่วนปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,7000 คัน และวันนี้เราหวังว่าประเทศไทยจะมียอดขายเพิ่มขึ้นสูงเป็นอันดับที่ 3จากเดิมอยู่ในอันดับที่ 5 สำหรับ 5 อันดับประเทศที่ขายดี ได้แก่ ไต้หวัน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย

Q : แผนสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย

เรามีแผนขยายเครือข่ายการจำหน่ายของซูบารุในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ได้อยู่ระหว่างการเจรจากับตัวแทนผู้สนใจลงทุนอย่างต่อเนื่อง และจะได้เห็นโชว์รูมรถยนต์ซูบารุเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และยังมีการพัฒนาโปรแกรมดูแลลูกค้าหลังการขาย ภายใต้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการคือ ซูบารุดีลเลอร์โอเปอเรชั่น โดยนำมาตรฐานหรือเคพีไอมาจับเพื่อพัฒนางานหลังการขาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและเริ่มทดลองใช้งาน เพราะที่ผ่านมาเราประสบปัญหาเรื่องอาฟเตอร์เซลส์ ซึ่งตอนนี้เริ่มนิ่งและเราพยายามแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น ให้เกิดปัญหาน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

Q : มองการเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันอย่างไร

ปีนี้ ตันจง กรุ๊ป เราโฟกัสไปที่แบรนด์ซูบารุเป็นอันดับแรก ก็คงต้องไปเน้นซูบารุเป็นหลัก เช่นตอนนี้เรามีโรงงานผลิตเบาะรถยนต์ในจีน ซึ่งขณะนี้เราอยู่ระหว่างการศึกษาความพร้อมเพื่อขยายโรงงานการผลิตมายังประเทศไทย รวมทั้งยังลงทุนในส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เช่น การขนส่งรถ, การเดินเรื่องพิธีการศุลกากรนำเข้าและส่งออก, การเตรียมความพร้อมในการส่งมอบ

รถ หรือ PDI ภายใต้ชื่อ TC Zero Thailand ที่วันนี้ให้บริการรองรับเฉพาะบริษัทในเครือ ส่วนอนาคตหากมีโอกาสขยายธุรกิจในส่วนนี้ เราก็พร้อมดำเนินการขยายไปสู่คู่ค้าใหม่ ๆ บริษัทก็พร้อม โดยเฉพาะบริษัทจากญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทย

Q : รถยนต์รุ่นใหม่ที่นำเข้าสู่ไทยปีนี้

แน่นอนเร็วนี้เราจะเปิดตัว ซูบารุ เอ็กซ์วี ในประเทศไทย ซึ่งน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในประเทศไทย โดยเราได้วางเป้าหมายที่ท้าทายว่า ปีนี้ประเทศไทยจะมียอดขายติดอันดับ 1 ใน 3 ของกลุ่ม ส่วนปลายปีเราอาจจะมีรถรุ่นพิเศษออกสู่ตลาดด้วย