สื่อสากลปรับทัพรับอุตฯรถโต เพิ่มน้ำหนัก “อีเวนต์-เอ็กซิบิชั่น” เต็มกำลัง

สื่อสากล ปรับทัพ 5 กลุ่มธุรกิจหลักปีนี้ เดินหน้าลุยธุรกิจ “ครีเอทีฟ อีเวนต์-เอ็กซิบิชั่น เทงบฯ 10 ล้าน ผุดสนามขับรถ 4×4 รับเทรนด์ลูกค้ากลุ่มรถเอสยูวี ครอสโอเวอร์ โต เผยผนึกพันธมิตรจากอินโดฯผุดงานมหกรรมแสดงรถยนต์ IAM BANGKOK 2018 เปิดตลาดชิมลางกลุ่มรถแต่งเชื่อทั้งปีโกยรายได้ 500 ล้าน

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สื่อสากล จำกัด และในฐานะรองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตสื่อยานยนต์ครบวงจร และผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป

เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนการดำเนินธุรกิจและการปรับตัวของบริษัทในปีนี้ว่า บริษัทพร้อมปรับองค์กรให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสื่อในปัจจุบัน ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก

ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถตั้งรับกับสภาพการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที โดยบริษัทได้แบ่งกลุ่มการดำเนินธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

1.ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ 2.ธุรกิจบอร์ดแคส ได้แก่ การผลิตรายการโทรทัศน์ วิทยุ 3.ธุรกิจดิจิทัล 4.ธุรกิจครีเอทีฟ อีเวนต์ และ 5.ธุรกิจการจัดงานมหกรรมยานยนต์ หรือเอ็กซิบิชั่น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท โดยปีนี้เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้เทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา

สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุน 2 โครงการใหม่ คือ 1.การสร้างสนามขับขี่รถยนต์ 4×4 ที่ จ.นครนายก บนพื้นที่ขนาด 17 ไร่ ภายใต้การลงทุนมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เพื่อรองรับเทรนด์ความต้องการ และรูปแบบพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของคนไทยที่เปลี่ยนไป เห็นได้จากความนิยมของรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวี และครอสโอเวอร์ ที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้ใช้

ส่วนใหญ่ต้องใช้รถเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมเอาต์ดอร์ที่ไม่มากนักบริษัทจึงตั้งในส่วนนี้ โดยจะให้บริการทั้งในรูปแบบของการขับรถแบบ 4×4 และการเปิดพื้นที่ให้เช่า เพื่อจัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ต่าง ๆ ด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทยังได้ขยายงานในส่วนของธุรกิจการจัดเอ็กซิบิชั่น นอกจากงานมหกรรมยานยนต์แล้ว ปีนี้บริษัทเตรียมร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความชำนาญอย่างผู้จัดงาน IAM INDONESIA ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศอินโดนีเซีย จัดงานมหกรรม IAM BANGKOK 2018 (INTERNATIONAL AUTO MODIFIED BANGKOK 2018) ขึ้น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยภายในงานจะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมตกแต่งรถยนต์ และนักแต่งรถจากประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียน นำรถยนต์เข้าร่วมแสดงกว่า 100 คัน ซึ่งบริษัทหวังว่างานนี้จะเป็นการเปิดเวทีเพื่อให้ผู้ประกอบการชุดแต่งและอุปกรณ์ประดับยนต์ไทย สามารถสร้างเครือข่ายสัมพันธ์อันดีระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการ และเพื่อขยายตลาดอุปกรณ์ตกแต่งของไทยสู่ตลาดอาเซียนได้ในอนาคต

และมีเป้าหมายในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการตกแต่งรถยนต์ของภูมิภาคในอนาคตอันใกล้ด้วย ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณสำหรับการจัดงานครั้งนี้ไว้ที่ 100 ล้านบาท โดยจะจัดงานครั้งแรกในวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ นี้ ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ บนพื้นที่ขนาด 2,000-3,000 ตร.ม.เพื่อเป็นการชิมลางก่อน และอนาคตหากงานนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการและผู้ชม บริษัทก็มีแผนที่จะขยายตลาดกระจายการจัดงานออกไปยัง จังหวัดใหญ่ ๆ ตามหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง

“สำหรับงาน I AM BANGKOK 2018 นั้น เรามองว่าประเทศไทย และคนไทย เป็นผู้นำในเรื่องของเทรนด์การแต่งรถของภูมิภาคอาเซียน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง บวกกับโอกาสการเติบโตของตลาดนี้ ทำให้น่าจะเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทย ที่จะแนะนำตัว หรือขยายธุรกิจออกไปสู่ตลาดเพื่อนบ้านได้ไม่ยาก” นายชลัทชัยกล่าว

สำหรับแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้ นายชลัทชัยเชื่อว่าตลาดรถยนต์ปีนี้โต 8-10% ผลพวงจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความสงบทางการเมืองในรอบ 10 ปี ประกอบกับการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ๆ หลากหลายรุ่น จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยขยายตัวตามคาด แม้ยังหวั่นปัจจัยเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบแต่อย่างใดและบริษัทพร้อมที่จะเดินหน้าจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 อย่างต่อเนื่อง

โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2561 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิดในการจัดงานว่า ขับสนุก ! ก่อนยุคไร้คนขับ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยียานยนต์และรถยนต์ที่น่าสนใจมาจัดแสดง และเบื้องต้นคาดว่าการจัดงานมหกรรมยานยนต์หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 นั้น จะมียอดการจำหน่ายรถยนต์ภายในงานเติบโต เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดรถยนต์โดยรวมที่โต อย่างน้อย 8-10% จากปี 2560 ที่ผ่านมามียอดจำหน่ายรถยนต์ในงานที่ 39,000 คันรถจักรยานยนต์ 7,700 คันและมีผู้เข้าชมงาน 1.3 ล้านคน