เทียบสเป็ก ซูซูกิ แครี่ – ไมน์ MT30 น้ำมัน VS ไฟฟ้า…ใครคุ้มค่ากว่ากัน ?

เทียบสเป็ก ซูซูกิ แครี่ - ไมน์ MT30 น้ำมัน VS ไฟฟ้า...ใครคุ้มค่ากว่ากัน ?

กลายเป็นมวยที่ถูกนำมาเปรียบคู่กันโดยปริยาย สำหรับตลาด บรรทุกเชิงพาณิชย์ขนาด 1 ตัน หรือ มินิทรัก ระหว่างเจ้าตลาดอย่าง “ซูซูกิ แครี่” ขวัญใจมหาชนคนทำมาหากิน ที่คุ้นหน้าคาตากับรถฟู้ดทรัก รถบาร์เบอร์ ฯลฯ

กับ มินิทรัก สัญชาติไทย ที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทยทั้งคัน อย่าง “ไมน์ MT-30” รถยนต์ ไฟฟ้า 100% ที่เพิ่งอวดโฉมไปเมื่อวันก่อนและพร้อมจะเปิดตัวรับจองอย่างเป็นทางการในงาน “มหกรรมยานยนต์” หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 39 ในเดือนธันวาคมนี้

เป็นที่ทราบกันดีว่า การใช้งานของรถ ประเภทนี้ส่วนใหญ่ ผู้ใช้งานจะเป็นผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี เจ้าของธุรกิจ พ่อค้า แม่ขาย ธุรกิจองค์กร อย่าง โรงแรม รีสอร์ต ที่นำรถประเภทนี้ไปดัดแปลง เพื่อการการขนส่ง, รถเฉพาะทาง เช่น รถตรวจโควิด หรือ ล่าสุด ดัดแปลงทำเป็น MOTOR HOME

ซูซูกิ“ซูซูกิ แครี่” ถือเป็นผู้นำในตลาดรถมินิทรัก อเนกประสงค์ ที่มียอดขายสะสม ในประเทศไทยมากกว่า 57,000 คัน

ซูซูกิชื่อชั้นของ ซูซูกิ แครี่ จึงได้รับการกล่าวถึงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ไมน์มินิทรักไฟฟ้า รุ่น MT-30 เพิ่งออกสตาร์ต คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์

แต่เมื่อเทียบสเป็ก หมัดต่อหมัด ปอนด์ต่อปอนด์ ระหว่างรถยนต์ทั้งสองรุ่น ใครเหนือใครคงตอบยาก

ซูซูกิ แครี่ ยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ด้วยเครื่องยนต์รหัส เครื่องยนต์ K15B 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 97 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อนาที ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลง แบบหัวฉีดมัลติพอยต์ เกียร์ ธรรมดา 5 สปีด

ระบบช่วงล่าง ระบบกันสั่นสะเทือนด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต และระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบคานแข็ง พร้อมแหนบ 5 ชั้น รองรับการบรรทุกได้ทุกรูปแบบ ระบบเบรก ด้านหน้า แบบดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมคอยล์สปริง ขนาดล้อและยาง 165/80 R13 ล้อกระทะ

ซูซูกิจุดเด่นพื้นกะบะแบบเรียบขนาดใหญ่ เปิดได้ 3 ด้าน รองรับการบรรทุกได้มากขึ้น ความยาว 4,195 มม., ความกว้าง 1,765 มม., ความสูง 1,910 มม. สามารถบรรทุกสูงสุด 945 กิโลกรัม

มีระบบป้องกันล้อล็อก ABS พวงมาลัย แร็กแอนด์พิเนี่ยน วงเลี้ยวแคบเพียง 4.4 เมตร ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

ส่วนภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศและระบบกรองอากาศ เครื่องเล่นวิทยุ และเอ็มพีสาม พร้อมลำโพง 2 ตัง ช่องเชื่อมต่อ USB AUX เบาะนั่งแบบผ้า สามารถปรับเลื่อนได้ 105 มล. ช่องเก็บของอเนกประสงค์, ช่องจ่ายไฟสำรองบริเวณคอนโซลหน้า ไฟส่องสว่างในห้องผู้โดยสาร, แผงบังแดดคู่หน้า มือจับด้านผู้โดยสาร 2 ตำแหน่ง

ส่วนแบบไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์-หลอดไฟฮาโลเจน, ที่ปัดน้ำฝน พร้อมที่ฉีดน้ำ, กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ, บังโคลน 4 ตำแหน่ง (คู่หน้า-คู่หลัง)

ซูซูกิ แครี่ มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว และสีเดียวคือ สีขาว ราคา 395,000 บาท

ไมน์ขณะที่มินิทรัก “ไมน์ MT-30” นั้น ขนาดความยาวของตัวรถยาวกว่าเล็กน้อยที่ ความยาว 4,585 มม. ความกว้าง 1,750 มม. ใกล้เคียงกันแต่สูงกว่าเล็กน้อย คือความสูง 1,940 มม. รองรับการบรรทุกได้ 1,000 กิโลกรัม

ไมน์พวงมาลัย แบบ แร็กแอนด์พิเนี่ยน ช่วยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ภายในห้องโดยสาร เบาะผ้าสีดำ มีไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แผงบังแดดคู่หน้า มีช่องวางเครื่องดื่ม 2 ช่อง หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว มีระบบเชื่อมต่อบูลทูท พร้อมลำโพง 2 ตัว ช่องเสียบ USB ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า DC 12 โวลต์ มิเตอร์แสดงผลแรงดันไฟระบบ 12 โวลต์

ไมน์ ขณะที่ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโครง ช่วงล่างหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมโช้กอัพ ระบบเบรกหน้า แบบดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนระบบเบรกหลัง เป็นดรัมเบรก ขนาดล้อและยาง เป็นล้อกระทะ 14 นิ้ว 195R14C

ไมน์ กระจังหน้า-กันชนหน้า สีดำ ไฟหน้าแบบ ฟลูแอลอีดี โปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง มอเตอร์บนเพลา ส่วนเกียร์แบบ Single Speed แบบปุ่มกด มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchonous motor

ให้กำลังสูงสุด 60 กิโลวัตต์ 80 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC ที่ 202 กิโลเมตร 1 ครั้ง มี 2 โหมดการขับขี่ให้เลือกได้แก Drive และ Eco

ไมน์ ใช้แบตเตอรี่ Lithium-Ion ความจุ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หัวชาร์จแบบ CCS2 กำลังชาร์จสุงสุด DC 70 กิโลวัตต์ ระเวลาในการชาร์จ จาก 30-80% ใช้ไฟกระแสตรง DC ใช้เวลา 15 นาที กำลังชาร์จสูงสุด AC 6.6 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 1-100% ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 40 นาที

“ไมน์ MT-30” ตั้งราคาขาย 748,000-766,000 บาท (ราคาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 150,000บาท แล้ว) มี 6 สีให้เลือก

จากสเป็กเทียบกับราคาขายดู “ซูซูกิ แครี่” จะได้เปรียบเล็ก ๆ

รถกลุ่มนี้คนตัดสินใจซื้อคือ เจ้าของซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ราคาที่ต่างกันแบบครึ่ง ๆ น่าจะช่วยตัดสินใจได้เยอะ

ซูซูกิยิ่งกลุ่มที่เอาไปทำเป็น “ฟู้ดทรัก” รถกลุ่มนี้จอดมากกว่าวิ่ง

ประเด็นความประหยัดระหว่างน้ำมันกับมอเตอร์ไฟฟ้าอาจถูกมองข้าม

ยิ่งถ้าพิจารณาลึกไปถึงเซอร์วิส “ซูซูกิ” มาก่อน ทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการเยอะกว่าแน่นอน
ความยากง่ายในการซ่อมบำรุงมีผลแน่ ๆ

ดังนั้นคำตอบว่า…ใครได้เปรียบใคร หรือแบรนด์ไหนคุ้มค่ากว่ากัน “ยอดขาย” น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด