ฟอร์ด แร็พเตอร์ ที่สุดปิกอัพ…ไฮเอนด์

ฟอร์ด แร็พเตอร์
คอลัมน์ : เทสต์คาร์
ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ถือเป็นรถปิกอัพขนาด 1 ตัน เพอร์ฟอร์แมนซ์สูง ที่บ้านเรายังไม่ปรากฏคู่แข่ง

ตัวนี้เป็นเน็กซ์เจน ที่เรียกว่า วันนี้ถือเป็นตัวท็อป ของตลาดทั้งในด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ และราคาจำหน่าย ที่สำคัญ เขามีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และเหนียวแน่น

ชนิดที่เรียกว่า พอได้เวลาเปลี่ยนรุ่น หลายคนพร้อมเขียนใบจอง และพร้อมรอรับรถทันที

ถือเป็นการกลับมาอย่างน่าสนใจสำหรับ กระบะไฮเอนด์คันนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์

กลับมาพร้อมด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย ซุ้มล้อขนาดใหญ่

ไฟหน้าแบบซีแคลมป์ พร้อมไฟ Matrix LED ที่ สะกดทุดสายตา

กระจังหน้าออกแบบใหม่ สะท้อนถึงความแข็งแรงบึกบึน พร้อมสัญลักษณ์ FORD ช่องลมและช่องระบายอากาศสีดำ รับกับบันไดเหยียบวัสดุอะลูมิเนียมหล่อ ติดเข้ากับโครงรถ เสริมให้รถคันนี้มีความแข็งแรงบึกบึน ตามแบบฉบับรถออฟโรด เรียกว่าขับไปทางไหน ก็สามารถสะกดทุกสายตาให้กับจ้องได้ ทั้งทางออนโรดและออฟโรด

เรียกว่าการออกแบบภายนอกโดยรวม แร็พเตอร์เวอร์ชั่นนี้มีความดุดัน บึกบึนขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อน อย่างเห็นได้ชัด

ภายในห้องโดยสาร ประหนึ่งว่ากำลังเปิดประตูของอากาศยาน เพราะรถคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เครื่องบินรบ F-22 Raptor โดดเด่นด้วยบรรยากาศของโทนสีดำ ตัดกับสีส้ม สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ เรียกว่ามาครบ ทั้งสวย ทั้งล้ำสมัย พวงมาลัยหุ้มหนัง จับกระชับมือและยังควบคุมได้ง่าย

ฟอร์ดนำปุ่ม R มาไว้ที่พวงมาลัย หรือปุ่ม Costom Mode เพื่อไว้ให้ผู้ขับตั้งเอง ว่าจะเอาการตอบสนองของเครื่องยนต์แบบไหน พวงมาลัย หรือช่วงล่างแบบไหน ที่นอกเหนือไปจาก 7 โหมดหลัก ๆ ที่รถมีให้ ได้แก่ ปกติ, สปอร์ต, ลื่นไถล, โคลน, ทราย, บาฮา และปีนหิน

หลายคนอาจจะงง กับโหมดบาฮา เขาทำไว้เพื่อปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูง เสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ

หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ ส่วนจอมอนิเตอร์แนวตั้งขนาดใหญ่ 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อ ควบคุมระบบบันเทิง ระบบปรับอากาศ รวมถึงระบบการทำงานอีกหลายอย่าง พร้อมกล้องมองรอบคัน 360 องศา ไม่ว่าจะเป็นมุมมองจากบนลงล่าง 360 องศาจากมุมสูง มุมมองด้านหน้าแบบออฟโรด 180 องศา รองรับการสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ทำให้ง่ายและสะดวก

สิ่งที่น่าจะถูกอกถูกใจบรรดาคุณพ่อบ้าน คือในส่วนของเสียงท่อไอเสีย ที่ฟอร์ดเพิ่มเข้ามา คือการควบคุมการทำงานของโหมดท่อไอเสีย สามารถเลือกได้คือ จะเลือกใช้เสียงดุดัน เข้ามาเพิ่มอารมณ์สปอร์ต หรือจะเสียงเงียบสำหรับการขับขี่ในชุมชน หรือเข้า-ออกบ้าน ในช่วงเวลาดึกดื่นเพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวน

รถคันนี้มีมาครบทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ 4 ล้อแบบแรงบิดสูง (4L) หรือ 4 ล้อแบบใช้ความเร็ว (4H) โดยในโหมดขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อนั้น มี 3 แบบ คือ 4H, 4L และ 4A หรือเป็นโหมด ออล วีล ไดรฟ์ ซึ่งระบบจะเลือกให้เองว่าจะขับเคลื่อนแบบไหน เพียงสั่งการไปที่ 2H ง่าย ๆ

ส่วนขุมกำลังของรถคันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เบนซิน 3.0 ลิตร วี6 ทวินเทอร์โบ อีโคบูสต์ เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 397 แรงม้าที่ 5,650 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ระบบช่วงล่างด้านหน้า อิสระปีกนก อะลูมิเนียม 2 ช้้น ช็อก แอบซอร์เบอร์ FOX Live Valve และเหล็กกันโคลง ด้านหลัง คอยล์โอเวอร์ช็อก และช็อก แอบซอร์เบอร์ FOX Live Valve

จะเห็นได้ว่า ด้วยขนาดตัวถัง และพละกำลังมหาศาลของเจ้าแร็พเตอร์คันนี้ หลายคนอาจจะมองว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับการขับขี่ในเมือง แต่จากการทดสอบปรากฏว่าผิดคาด ความใหญ่โตไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด กลายเป็นความสนุก และคล่องตัว

โดยเฉพาะจังหวะขับในเมือง ยิ่งบนช่วงถนนรามอินทรา-ศรีนครินทร์ ที่ยังมีการก่อสร้างและปิดเส้นทางบางช่วง เมื่ออยู่ด้านหลังพวงมาลัย เราสามารถมองทางด้านหน้าออกไปได้ไกล ทัศนวิสัยดีเยี่ยม ทำให้การกะระยะ จังหวะแซงขึ้น-ลง ได้คล่องตัว บวกกับพละกำลังของเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 3 ลิตร วี6 เรียกว่าคล่องตัวสุด ๆ

บางช่วงที่ต้องขับเข้าตรอก ซอก ซอย แน่นอนว่า ต้องเล็งและกะระยะกันให้ดี ๆ เราก็สามารถผ่านอุปสรรคมาได้

ลองขยับไปวิ่งออกนอกเมือง เมื่อพอมีระยะ ขอกดคันเร่งสัมผัสพละกำลังของรถคันนี้ บอกเวลาว่า… ใช้เวลาไม่นาน ความเร็ว วิ่งขึ้นมาทันใจ การตอบสนองของเครื่องยนต์ทำได้ดี สัมผัสได้ถึงการปลุกความสปอร์ตออกมา จังหวะเข้าโค้งด้วยความเร็วทำได้มั่นใจ

บางจังหวะเจอเนินหลังเต่า ลูกระนาด แทบจะไม่ได้รู้สึก เพราะช่วงล่างของแร็พเตอร์ เขาเซตมาได้ค่อนข้างนุ่ม แม้จะเป็นรถที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต แต่เมื่อเข้ามาควบคุมด้านหลังพวงมาลัยกลับไม่เหนื่อย บอกได้เลยว่า ฟอร์ด แร็พเตอร์ คันนี้ เป็นอีกคันที่ขับสนุก

ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่หลายคนกังวลใจนั้นก็ต้องบอกว่า หากคุณคือกลุ่มลูกค้าของ ฟอร์ด แร็พเตอร์ นั้น เรื่องของอัตราสิ้นเปลืองพลังงานนั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลัง พร้อมควักกระเป๋า เพื่อแลกมากับสมรรถนะในการขับขี่ ตั้งแต่เขาตัดสินใจซื้อรถปิกอัพในราคา 1.869 ล้านบาทไปแล้ว

ถึงตรงนี้ต้องชมว่า ฟอร์ด ตัดสินใจทำตลาดให้กับแร็พเตอร์ ได้ซักเซสทั้งในเชิงของโปรดักต์ และราคาจำหน่าย เพื่อให้ผู้ใช้ได้รู้สึกภาคภูมิใจไปกับปิกอัพ ไฮเอนด์ คันนี้