คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ถือเป็นรถยนต์พรีเมี่ยมแบรด์ สัญชาติญี่ปุ่น ที่มีเอกลักษณ์และความแข็งแกร่งในแบบฉบับของซีกโลกตะวันออกได้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะความพิถีพิถัน การการรังสรรค์ถยนต์เลกซัสขึ้นมาแต่ละรุ่น จะต้องใช้จิตวิญญาณ ของ “ทาคุมิ” หรือTakumi ช่างฝีมือที่เลกซัสวางใจ ให้ดูแลการประกอบรถยนต์แต่ละคัน จะต้องผ่านการฝึกฝนซ้ำๆ จนเกิดความชำนาญ และกลายเป็นความเชี่ยวชาญมากว่า 60,000 ชั่วโมง
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- หวยงวด 16 เมษายน ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้ (16 เม.ย. 67)
เท่านั้นยังไม่พอเพราะ เลกซัสเชื่อว่า รถยนต์หนึ่งคันไม่ได้มีแต่เทคโนโลยีเท่านั้น แต่มีเรื่องของ “ความรู้สึก” และงานตกแต่งภายในสไตล์รถญี่ปุ่นชั้นสูง และยังไม่ทิ้งประสิทธิภาพการขับขี่
นั่นคือสิ่งที่เลกซัสให้ความสำคัญสำคัญ
รถยนต์ เลกซัสอยู่อยู่คู่กับลูกค้าชาวไทยมาถึง 30 ปี
ส่วนแบรนด์เลกซัสนั้นอยู่กับโลกอุตสาหกรามยานยนต์มาถึง 35 ปี
แน่นนอนว่าเลกซัส ต้องมีดีพอตัว ทำให้หลายคนที่ได้สัมผัสต้องหลงไหลไปกับความพิถีพิถันและการใส่ใจในรายละเอียด ยากที่จะปฏิเสธได้…
แม้ว่าราคา การจำหน่ายจะค่อนข้างแตกต่างจากพรีเมี่ยมแบรนด์จากฝั่งยุโรปอยู่มากโข ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของ ภาษี ที่วันนี้ เลกซัสยังเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคัน ขณะที่คู่แข่งในบ้านเราล้วนแล้วเเต่ประกอบภายในประเทศ จึงทำให้มีความได้เปรียบและความแตกต่างทางด้าน “ราคา” อยู่พอสมควร
ล่าสุดถือเป็นโอกาสที่ โตโยต้า ไทยแลนด์จัดทริปให้ ผู้สื่อข่าวได้สัมผัสกับ เลกซัสอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นการขับขี่ที่มีระยะทางพอตัว กรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมผัสกับ Lexus ES 300h รุ่น F Sport แบบเต็ม ๆ สำหรับรถรุ่นนี้ ถูกเติมเต็มความดุดันด้วยกระจังหน้าลายตะแกรงสีดำเฉพาะรุ่น
ส่วนกันชนท้ายแบบพิเศษพร้อมชุดแต่งฝากระโปรงด้านท้ายและกลับไฟท้ายสีดำ
ความโดดเด่นคือ ภายในห้องโดยสารของรถคันนี้ จุดที่ประทับใจอีกอย่างคือของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร แม้จะเป็นรถซีดานขนาดกลางตระกูลเลกซัส และมีการออกแบบคล้ายกับรถคูเป้คือ ให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำแต่เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสารกลับพบว่าไม่ใช่อย่างที่คิด มีความโอ่อ่ามีพื้นที่เหลือเฟือ ทั้งที่ตำแหน่งเบาะด้านหน้า
เบาะนั่งคู่หน้าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เบาะสปอร์ตของรถคูเป้เลกซัส CLโดยใช้โฟมขึ้นรูปเหมาะกับสรีระโอบกระชับได้อย่างลงตัว
ส่วนเบาะด้านหลังนั้นกว้างขวาง ชนิดที่เรียกว่า สามารถยืด เหยียดเท้าออกไปได้แบบสบายๆ
เบาะนั่งสีดำตัดแดง ให้สัมผัสของพื้นผิว นุ่ม สบาย โอบกระชับให้ความรู้อุ่นใจ
เช่นเดียวกับแผงประตู และหนังหุ้มคันเกียร์เดินดายสีแดง
ส่วนแผงแดชบอร์ดมีเส้นสีเงินโครเมี่ยมเข้ามาตัดช่วยขับความหรูหรา แบบไม่เยอะเกินไป
หน้าจอ EMVควบคุมและสั่งงาน กลางขนาด 12.3 นิ้ว ปรับตั้งค่าต่างๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
มีการนำนาฬิกาของ Lexus มาติดตั้ง
เบาะนั่งและพวงมาลัยมาพร้อม Easy&ACcess Power System ES มีระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย สามารถรองรับ Apple CarPlay
แต่สิ่งที่ขัดกับความรู้สึก และใช้งานไม่สะดวกเท่าคู่แข่ง คือ ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ ที่เลกซัส ทำขึ้นไปไว้ตำแหน่งคอนโซนด้านหลัง
พวงมาลัยพาวเวอ์ไฟฟ้า ESP และอยู่เหนือหน้าจอ TFT มีลักษณะเป็นก้านหมุมทรงกลุ่มปรับเลือกได้ 3 โหมดการขับขี่ ECO,Normalและ Sport สามารถปรับสีหน้าจอได้ตามโหมดขับขี่
ส่วนพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ของ F Sport ใช้วัสดุที่ผ่านการคัดสรรมาอยางดี พร้อมปุ่มรวบคุ่มสั่งการระบบเสียงมีมาให้ และยังมี แพดเดิ้ลชิป มาให้ สำหรับเปลี่ยนเกียร์ด้วย
ขุมกำลังของการขับขี่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง178 แรงม้า ส่วนแรงบิด 211นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 120 แรงม้า 88 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระบบไฮบริดใหม่ สามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างไหลลื่นและเป็นธรรมชาติ
เมื่อสองพลังงานทำงานผสานกัน ให้กำลังถึง 281 แรงม้า หรือ 160 กิโลวัตต์ เลกซัส เคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไว้ที่ 8.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเกียร์นั้นเป็นเกียร์อัตโนมัติ E-CVT 9 สปีด
จากการรับไม้ต่อ หลังจากสัมผัสความสะดวกสบายของห้องโดยสารไปแล้ว ช่วงกำแพงเพชร มุ่งหน้า สู่ จ. ลำปาง ย้ายตัวเองมานั่งด้านหลังพวงมาลัย
การทดสอบครั้งนี้เลือกใช้ โหมด Normal เป็นหลักเครื่องยนต์ตอบสนองดี ยิ่งจังหวะที่ขับทำความเร็ว ทางตรงยาวนั้น พละกำลังของเครื่องยนต์บวกกับช่วงล่างที่เซตมาอย่างดี ทำให้ การขับขี่ มีความมั่นใจ นิ่ง และ เสถียร แม้บางช่วงจะเข้าโค้งด้วยความเร็ว
ส่วนพวงมาลัยนั้นควบคุมง่าย สามารถสั่งการได้ตามทิศทาง องศา ที่มือหมุนไป ที่ชอบอีกอย่าง แม้จะเจอสภาพเส้นทางที่โดนฝนกระหน่ำจนปัดน้ำฝนเบอร์สุดท้ายแทบจะเอาไม่อยู่ แต่เรายังวิ่งด้วยความเร็วสูง รถยังคงให้ความมั่นใจตำแหน่งหลังพวงมาลัย
กดเร่งเรื่องกำลังของเครื่องยนต์ วิ่งปรู๊ดไประดับ ตามความเร็วสูงสุดที่เคลมไว้ได้ไม่ยาก รถคันนี้ถือว่าเก็บเสียงได้เนียบ ชนิดที่ว่าเมื่อเราจอดรถ แล้ว ยังต้องแอบเหลือบมองหน้าปัดว่า เรากดปิดสวิตซ์เครื่องยนต์แล้วหรือยัง
ขับกันเพลินๆ ไม่ต้องถามหาหรือเปลี่ยนเปลี่ยน ไปยังโหมด Sport เพราะกำลัง เเค่ Normal ก็เพียงพอ สำหรับการหวดกันยาวๆ ในเส้นทางนี้…
สุดท้าย…ต้องบอกว่า รถคันนี้มาให้ครบทั้ง สมรรถนะความสะดวกสบาย ที่สำคัญในตำแหน่งด้านหลังพวงมาลัยนั้นเรียกว่าสบายๆ ไม่มีอาการเหนื่อยล้า
ส่วนราคาค่าตัวที่ 4.38 ล้านบาท จ่ายแพงกว่า…แต่ได้ความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยงานฝีมือระดับ Craftsmanship