มาอีกรุ่น NEW MG ES (EV) สเตชั่นแวกอน สุดหรู วิ่งไกล 412 กม.

MG ES

ค่าย MG ส่งรถยนต์ไฟฟ้า NEW MG ES ใหม่แทนที่ MG EP ปรับโฉมครั้งใหญ่-เปลี่ยนชื่อใหม่ ปรับลุกเพิ่มความหรูหรา วิ่งไกล 412 กิโลเมตร ตัวนี้ยังทรงเสน่ห์ด้วยมาดสเตชั่นแวกอน MG เอาเข้ามาทำตลาดแทนที่รถยนต์ รุ่น EP เพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยพร้อมปรับลุก เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือ EP Major Change พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อรุ่นมาเป็น NEW MG ES สเตชั่นแวกอนไฟฟ้ามาพร้อมแนวคิด “COMFORTABLE เป็นทุกอย่างเพื่อทุกโมเมนต์” เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงเวลาที่สำคัญ

MG ES ภายใต้การออกแบบ BRIT DYNAMIC เน้นที่เรียบหรูแต่ดูล้ำสมัยและพื้นที่กว้างขวางเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ NEW MG ES ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้ายแบบ LED ได้รับการออกแบบใหม่แบบ Light Curtain Design เน้นความโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว มาพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน

MG ES

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว, กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และสปอยเลอร์หลัง, ฝาปิดห้องเครื่องด้านหน้า และที่ปิดห้องเก็บสัมภาระท้าย มีชุดราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม

ส่วนภายในห้องโดยสารเน้นความพรีเมี่ยมที่ใช้งานได้จริง เรียบหรู กว้าง พร้อมพื้นที่บรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,367 ลิตร คอนโซลแบบ DOUBLE LAYER โทนสีดำ มีเส้นสายตัดการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า ENERGETIC BLUE STRIP มีช่องเก็บของรอบคัน และที่วางแก้ว

เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40MG ES

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์, หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว, ลำโพง 6 จุด

MG ES รองรับระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ ช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE- C รองรับ Apple CarPlay และ Android เพิ่มระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART เข้ามา ส่วนกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล มีกรองอากาศ PM 2.5 และระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart key) พร้อมปุ่ม Push Start

เปิดสเป็ก NEW MG ES (EV) สเตชั่นแวกอน สุดหรู

NEW MS ES ใช้ E- PERFORMANCE ที่เอ็มจีได้เพิ่มสมรรถนะให้กับรถคันนี้ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรMG ES

ช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION ที่ให้การทรงตัวที่ดี ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม

MG ES ส่วนแบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE) มาพร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

มีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย รถคันนี้มีรัศมีวงเลี้ยว 5.65 เมตร

รถคันนี้ ES มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ เรียกว่าครบครันกว่า เจ้า MG EP เวอร์ชั่นก่อนMG ES

NEW MG ES รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบโดย

– ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 0-80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 87 kWh

– ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0-100% ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ที่ 6.6 kWh รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh

และยังสามารถรองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์ ได้ด้วยMG ES MG ES MG ES MG ES