
ตลาดรถยนต์มือสองคึก หลังแพลตฟอร์มข้ามชาติ ทุน “อินเดีย-มาเลย์-อินโด” แห่ทำตลาดชิงส่วนแบ่ง 2 ล้านคันกับกลุ่มทุนไทย ด้านสมาคมรถใช้แล้วชี้ส่งผลดีกับตลาดและผู้บริโภค ย้ำการแข่งขันช่วยยกระดับธุรกิจ สร้างมาตรฐานใหม่ และขยายตลาด ลั่นซื้อ-ขายรถมือสองออนไลน์กินตลาดมากกว่า 90%
นายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ อดีตนายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมของตลาดรถยนต์มือสองในปัจจุบันว่า มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการทำตลาดและขายรถยนต์มือสอง ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมสูงมาก ประกอบกับการเข้ามาทำตลาดของทุนใหญ่ที่เป็นแฟลตฟอร์มขายรถยนต์มือสองจากต่างประเทศ ที่ระยะหลังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการสร้างมาตรฐานใหม่ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
“เรามองว่าก่อนหน้านี้คนจะไม่ค่อยกล้าซื้อขายผ่านออนไลน์ แต่แพลตฟอร์มเหล่านี้สร้างความน่าเชื่อถือได้มาก และกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เนื่องจากผู้ประกอบการ ทุนข้ามชาติได้มีการทุ่มเม็ดเงินในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และเพิ่มความสะดวกสบายในการขายรถยนต์มือสอง”
แพลตฟอร์มข้ามชาติแข่งเดือด
จากความต้องการของตลาดรถยนต์มือสองในปัจจุบัน หากไม่นับยอดการจดทะเบียนจากบริษัทไฟแนนซ์มาสู่ผู้ใช้ หรือการโอนเปลี่ยนมือกันภายในครอบครัวแล้ว เชื่อว่าความต้องการของตลาดรถยนต์มือสองน่าจะอยู่ราว ๆ 1-1.5 เท่าของความต้องการรถยนต์ใหม่ หรือเฉลี่ยปีละเกือบ ๆ 2 ล้านคัน นั้นถือเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์มือสองที่เป็นสมาชิกของสมาคมอยู่กว่า 400 ราย และยังไม่นับรวมกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยอีกจำนวนมาก และกลุ่มบริษัทข้ามชาตที่มาในรูปแบบของแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงรถยนต์ใช้แล้วเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับการรับประกันและบริการหลังการขายได้อย่างชัดเจน เช่น เงื่อนไข รับประกัน 2 ปี หรือไม่เกิน 70,000 กิโลเมตร ก็มีให้เห็น จากก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการจะไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากเท่าไหร่ รวมถึงมาตรฐานการคัดสรรรถเข้ามาขาย ทำให้ปัญหาเรื่องคุณภาพและการย้อมแมวเบาบางลงไปค่อนข้างมาก เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว
ขายออนไลน์เกิน 90%
ปัจจุบันผู้ประกอบการเต็นท์รถยนต์ใช้แล้ว ร่วมทั้งผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์มือสอง ส่วนใหญ่จะเน้นการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ต่าง ๆ มากกว่า 90% บวกกับปัจจุบันมีแพลตฟอร์มต่างชาติเข้าสมาคมมากขึ้น จากสัญชาติต่าง ๆ ทั้ง CAR24 จากอินเดีย, CARSOME จากมาเลเซีย และ CARRO จากอินโดนีเซีย หรือแม้แต่จากกลุ่มทุนไทยอย่าง CAR HERO หรือกลุ่ม ONE2CAR ที่เป็นเจ้าตลาดเดิม
เมื่อมีผู้ประกอบการมากขึ้น ยิ่งทำให้การแข่งขันในธุรกิจรถยนต์มือสอง ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ส่งผลทำให้ตลาดมีความคึกคัก และผู้ประกอบการเองก็แข่งขันกันในเรื่องการพัฒนามาตรฐานการให้บริการ การพัฒนารูปแบบแพลตฟอร์มการขาย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าจะทำให้ผลประโยชน์ต่าง ๆ สะท้อนกลับมาสู่ผู้บริโภค
“อย่างที่ผ่านมาจะเห็นว่า สถาบันการเงินที่มีการทำตลาดรถยนต์มือสองเอง ก็เริ่มมีการพัฒนาปรับปรุงแพลตฟอร์มการขายรถยนต์มือสองของตัวเองเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น หรือสมาชิกของสมาคมเองเราก็พบว่า ส่วนใหญ่ก็ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก และช่วงที่ผ่านมาก็ตัวเลขเติบโตเพิ่มขึ้นกันอย่างต่อเนื่องด้วย ตอนนี้ต้องบอกว่ากว่า 90% ขายผ่านออนไลน์”
สร้างจุดขายใหม่รถอีวีมือสอง
ก่อนหน้านี้ นายศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์ซัม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า CARSOME ตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน ยอดผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียของบริษัทได้เพิ่มขึ้นจนแตะถึง 278,045 ราย ทำให้ CARSOME เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า 70% ของลูกค้าเลือกสั่งจองซื้อรถทางออนไลน์ และ 2 ใน 3 ของปริมาณรถยนต์ที่นำขึ้นขายบนเว็บไซต์ถูกจองซื้อภายในเดือนเดียวกัน และถูกจองเร็วสุดในเวลาเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น หลังจากนำขึ้นแสดงบนเว็บไซต์
CARSOME ประเทศไทย ตั้งเป้าว่าภายในระยะเวลา 3 ปี จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อม หลังจากทำแบบสำรวจพบว่า ปัจจุบันลูกค้ายังไม่ตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาสูง มากถึง 69.2%, สถานีชาร์จแบตเตอรี่สาธารณะที่มีไม่เพียงพอ 68.2% และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่และอะไหล่ที่สูง 40.2%
ในขณะที่ 3 เหตุผลหลักของผู้ตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย 98.4% อยากมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม 65.6% และสิทธิประโยชน์ทางภาษี 48.4% และเมื่อถามว่า ผู้ตอบแบบสำรวจมีแผนที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 1-2 ปี จำนวนมากถึง 46.5%
ซึ่งสอดคล้องกับ นายสมชาย ตระกูลภิรมย์ ผู้จัดการทั่วไป มาสเตอร์ เซอร์ทิฟาย ยูสด์คาร์ ผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองแบบครบวงจรในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด ที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแนวโน้มตลาดรถยนต์มือสอง ในช่วง 2-3 ปีจากนี้จะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์มีการแนะนำรถอีวีออกสู่ตลาดและคนไทยเริ่มมีความคุ้นชิน ให้ความวางใจในรถกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น โดยจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์รถยนต์มือสอง จะเป็นไปตามทิศทางของตลาดรถยนต์ใหม่เช่นเดียวกัน