นิสสัน เผย “X-in-1” ระบบขับเคลื่อนใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า สำหรับ EV และ e-POWER ช่วยลดต้นทุนการผลิตลง 30% ภายในปี 2569
วันที่ 20 เมษายน 2566 นายโทชิฮิโระ ฮิราอิ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมระบบส่งกำลัง และรถยนต์ไฟฟ้า บริษัท นิสสันมอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า นิสสันได้เปิดตัวแนวคิดใหม่ในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเรียกว่า “X-in-1” ที่มีแนวคิด ส่วนประกอบหลักของระบบขับเคลื่อนแบบ EV และแบบ e-POWER จะมีการใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน และปรับเป็นโมดูลต่าง ๆ
โดยจะทำให้ต้นทุนการพัฒนาและการผลิตในปี 2569 จะลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับปี 2562 สำหรับแนวคิด X-in-1 นิสสันมีเป้าหมายที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ EV และ e-POWER นิสสันได้พัฒนาระบบขับเคลื่อนต้นแบบ 3-in-1 โดยปรับมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และตัวลดขนาด (reducer) ให้เป็นโมดูล ถูกวางแผนไว้สำหรับใช้ในรถยนต์ระบบขับเคลื่อนแบบ full EVs
ขณะที่ระบบขับเคลื่อนต้นแบบ 5-in-1 ที่เพิ่มครื่องกำเนิดไฟฟ้าและเครื่องเพิ่มกำลัง (increaser) เป็นโมดูลเพิ่มเติม ถูกวางแผนสำหรับใช้ในระบบขับเคลื่อนแบบ e-POWER
แนวทาง “X-in-1” จะได้รับการพัฒนาเพื่อให้ส่วนประกอบหลักของระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ EV และแบบ e-POWER สามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้ในสายการผลิตเดียวกัน
สำหรับแนวคิด X-in-1 ในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าจะช่วยให้การใช้ชิ้นส่วนร่วมกันและการทำให้ส่วนประกอบหลักเป็นโมดูลจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนรวมของการผลิตระบบขับเคลื่อนลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี 2562
ทั้งนี้ นิสสันตั้งเป้าหมายให้ราคารถยนต์ระบบ อี–พาวเวอร์ (e-POWER) เท่าเทียมกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine-ICE) ภายในปี 2569
และขนาดและน้ำหนักที่ลดลงของเครื่องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ยานพาหนะ และลดเสียงรบกวน รวมถึงการสั่นสะเทือนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ขณะที่การใช้มอเตอร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่จะลดการใช้แร่ธาตุหายาก (rare earth) ของโลกลงให้เหลือเพียง 1% หรือน้อยกว่าของน้ำหนักแม่เหล็ก อีกทั้งจะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของนิสสัน
ทั้งนี้ นิสสันได้ประกาศวิสัยทัศน์ระยะยาว Nissan Ambition 2030 นิสสันตั้งเป้าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 27 รุ่น และภายในปีงบประมาณ 2573 จะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 19 รุ่น เพื่อแนะนำรุ่นที่เหมาะสมที่สุดให้กับแต่ละตลาดในแต่ละภูมิภาคกับช่วงเวลาที่เหมาะสม