บุกยานแม่ BYD @เสิ่นเจิ้น สัมผัสทุกอณูที่มีมากกว่ารถ EV

คอลัมน์ :รายงานพิเศษ
ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง

เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ค่าย “เรเว่ ออโตโมทีฟ” ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ได้พา “ประชาชาติธุรกิจ” เพื่อนสื่อมวลชนจากประเทศไทยคณะใหญ่ ร่วมครึ่งร้อย ไปร่วมงานแสดงยานยนต์ที่ว่ากันว่า ใหญ่ที่สุดในเอเชีย กับงาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ 2023 แล้วเพื่อไม่เป็นการเสียเที่ยว เรเว่ฯ และ BYD เปิดบ้านสำนักงานใหญ่ที่เมืองเสิ่นเจิ่น ให้คณะสื่อมวลชนไทยได้ร่วมเรียนรู้และสัมผัสความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรแห่งนี้

สตาร์ตความฝัน-ความหวัง

อะไรคือจุดพลิกผันที่ทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันของ BYD หรือที่มีชื่อเต็มว่า Build Your Dream

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2538 หรือ 28 ปีก่อน “หวัง ฉวนฝู” (Wang Chuanfu) ผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นธุรกิจจากการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่มือถือ เป็นซัพพลายเออร์ป้อนให้กับค่ายมือถือต่าง ๆ วันนั้นมีพนักงานเพียงแค่ 20 คน

1 ปีต่อมาเริ่มผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม ต่อด้วยปี 2542 ได้มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพื่อป้อนให้กับค่ายโมโตโรล่า จากนั้นประธานหวังใช้เวลาอีกเพียง 2 ปี หลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฮ่องกง และมีค่ายมือถือไว้ใจเลือกใช้ BYD เป็นซัพพลายเออร์มากขึ้น

เรียกว่าจากธุรกิจแบตเตอรี่มือถือ เริ่มขยายไปสู่ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์จนปี 2546

BYD มาถึงจุดพลิกผัน จากมุมที่มองการณ์ไกล บวกกับความต้องการพยายามหาทางออกด้วยการลดการพึ่งพาพลังงานน้ำมัน ที่จะต้องทำ ประธานหวังต้องการผลิตรถยนต์ และเชื่อว่าในอนาคตสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น น่าจะมีโอกาสและความหวัง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนด้วยพลังงานใหม่ หรือยานยนต์ไฟฟ้า น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเป็นมิตรกับโลกใบนี้มากขึ้น

BYD

จากรถคันแรกถึงคันที่ 1.86 ล้าน

รถยนต์ BYD F3 รุ่นแรกเกิดขึ้นเมื่อมี 2548 เป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่จนถึงวันนี้ขายไปแล้วมากกว่า 1 ล้านคัน

และในปี 2552 รถเชิงพาณิชย์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ EV ถูกแนะนำออกสู่ตลาด เท่านั้นยังไม่พอ BYD ยังพัฒนาต่อยอดไปสู่การผลิตรถไฟฟ้า EV Sky Rail เมื่อปี 2560

และจนมาถึงปัจจุบันในโลกของ BYD บนอาณาจักรแห่งนี้ยังไม่หยุดพัฒนา โดยล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา BYD ประกาศความชัดเจนอีกครั้งด้วยการ “ยกเลิกการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปีที่ผ่านมา มียอดขายเฉพาะรถ EV และ PHEV รวมกันมากถึง 1.86 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 3 เท่าตัว

BYD กลยุทธ์ “BYD 7+4”

BYD ใช้กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อเป็นองค์กรธุรกิจที่มุ่งมั่นกับพลังงานที่มั่นคงมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน Sustainable Economy BYD จัดเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมระดับโลก มีแนวคิดในการพัฒนาที่โดดเด่น ภายใต้กลยุทธ์ “BYD 7+4 Full Market EV” ที่เรียกว่า BYD มีความมุ่งมั่นในการพัฒนายานพาหนะที่ BYD ต้องการพัฒนาทั้งหมดนี้ให้ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เพื่อสามารถใช้งานและอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างยั่งยืน

BYD

ภายใต้กลยุทธ์ “BYD 7+4 Full Market EV” จะครอบคลุมรูปแบบการขนส่งภาคพื้นดินทั้งหมด เลข 7 คือประเภทของยานพาหนะทั่วไป ประกอบด้วยรถ 7 ประเภท ได้แก่ รถยนต์นั่ง รถแท็กซี่ รถบัสโดยสาร รถทัวร์ รถบรรทุกขนส่ง รถบรรทุกที่ใช้ในงานก่อสร้าง และรถขนส่งหรือรถพ่วงเพื่อการพาณิชย์ และเลข 4 คือรถกลุ่มพิเศษ ได้แก่ รถที่ใช้กับเหมืองแร่ รถเครนที่ใช้กับท่าเรือ รถขนส่งผู้โดยสาร และรถโฟร์กลิฟต์

ไม่หยุดที่จะพัฒนา

สิ่งสำคัญที่ทำให้ BYD เดินมาได้อย่างรวดเร็วจะมั่นคง ต้องยอมรับว่า เขาเป็นองค์กรแห่งการพัฒนา เหลือบตาไปบนผนังด้านหนึ่งของสำนักงานใหญ่แห่งนี้มีสิทธิบัตรที่ได้รับการจดแล้วของ BYD มากกว่า 4,000 ฉบับ และยังมีรอจ่อคิวอยู่อย่างน้อย 30,000 ฉบับ ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน

BYD จากจุดเริ่มต้นในวันนั้น ประธานหวังสามารถขับเคลื่อนให้ BYD กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถ EV ที่ใหญ่ที่สุดของจีน และจะเรียกว่าใหญ่เบอร์ต้นของโลกก็ไม่ผิด