“จินตนา อุดมทรัพย์” ยามาฮ่า เทลเลอร์เมด ทุกความต้องการลูกค้า

ในแวดวงอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ชื่อชั้น “จินตนา อุดมทรัพย์” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด อยู่ในลำดับต้น ๆ ของผู้บริหารหญิงแกร่ง…นักการตลาด…ผู้สร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรมสองล้อเครื่องบ้านเรามายาวนานกว่า 22 ปี ย้อนหลังไปถึงยุคบุกเบิกรุ่นนายหญิง “คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช” นั่งบริหารเปลี่ยนผ่านสู่ยุคบริษัทแม่เข้ามาดูแลเอง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน เรียกว่าได้ “ดีเอ็นเอ” มาครบทั้งตัวและหัวใจ

“ประชาชาติธุรกิจ” จับเข่าคุยถึงแนวทางการบริหารงานและแผนชูธงนำทัพของรองประธานหญิงคนแรกของเมืองไทย

DNA “คันโด” ส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น

นโยบายที่ “จินตนา” มุ่งมั่นและจะขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง คือ “การดูแลลูกค้าคนสำคัญให้ดีที่สุด” ลูกค้าในที่นี้ไม่ได้หมายเพียงแต่…ลูกค้าผู้ใช้รถยามาฮ่าเท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งยามาฮ่าจะต้องดูแลเพื่อให้สามารถแข่งขันและดำเนินธุรกิจได้ รวมทั้งการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าภายใต้ปรัชญา “คันโด” ในภาษาญี่ปุ่นซึ่งหมายถึง การสร้างความรู้สึกพึงพอใจอย่างลึกซึ้ง และความตื่นเต้นเร้าใจในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ และสุดท้ายถ้าดีลเลอร์แข็งแกร่ง ยามาฮ่าเองจะมีความแข็งแกร่ง…นี่คือเคล็ดลับที่รองประธานกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คนยามาฮ่าได้เรียนรู้และได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่ยุคคุณหญิงพรทิพย์ที่ทุกคนจะเป็นครอบครัวเดียวกัน

พัฒนาคนให้แข็งแกร่ง

อีกสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งยวด คือ “คุณภาพของพนักงาน” การเดินหน้า “พัฒนาคน” ซึ่งวันนี้ “จินตนา” และยามาฮ่าภาคภูมิใจว่าบุคลากรยามาฮ่าเองนั้นไม่เป็นสองรองใคร เมื่อเทียบกับบุคลากรในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วยมุมมองที่สะท้อนและส่งผ่าน คือ ถ้าเราไม่พัฒนาตัวเราเอง เราจะพัฒนาดีลเลอร์ได้อย่างไร” นี่คือสิ่งที่ยามาฮ่าพยายามปลูกฝังให้กับพนักงาน ทีมขาย จะต้องดูแลดีลเลอร์อย่างใกล้ชิด เรามีการจัด “บิสซิเนสทอล์ก” อย่างต่อเนื่องให้กับบุคลากรภายในและตัวแทนจำหน่ายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง และพยายาม

ให้ทุกคนตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจินตนาเน้นย้ำ…ว่า “อยากให้พนักงานทุกคนมีความสุขในการทำงานสนุกและตื่นเต้นตลอดเวลา เช่นเดียวกับสปิริตของยามาฮ่า เราจะทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ได้อย่างไร “ยามาฮ่า” เรามีจุดยืนที่ชัดเจน

เทลเลอร์เมด “บริการ” ให้ลูกค้า

อย่างที่บอกลูกค้าของเราไม่ได้หมายแต่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าเท่านั้น ยังรวมถึงดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายผู้ใช้บริการต่าง ๆ ของยามาฮ่าทั้งหมด ที่สำคัญ ยามาฮ่าไม่มีนโยบายแบ่งแยกลูกค้า ปีนี้ยามาฮ่ามีนโยบายหลักคือการเดินหน้าสร้างความพึงพอใจ พัฒนา บริการหลังการขาย เพื่อให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับยามาฮ่า เป็นที่หนึ่งในด้านอาฟเตอร์เซลส์เซอร์วิส บริษัทได้ลงทุนมูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์บริการต้นแบบ “ยามาฮ่า พรีเมี่ยมเซอร์วิส ช็อป” เพื่อเป็นศูนย์บริการต้นแบบแห่งแรก บนถนนศรีนครินทร์ เพื่อให้บริการหลังการขายสำหรับลูกค้ายามาฮ่า และเป็นศูนย์ฝึกอบรม พนักงาน บริการหลังการขาย ทีมช่าง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของยามาฮ่า คาดว่าจะเสร็จได้ราวกลางปีนี้ “ยามาฮ่า พรีเมี่ยมเซอร์วิส ช็อป ไพลอต ช็อป” ที่ตั้งเป้าใน 3 ด้าน คือ 1.เป็นผู้นำงานบริการที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูงด้วย

เครื่องมือทันสมัย 2.เป็นต้นแบบในการทำกำไรจากงานบริการหลังการขาย และ 3.เป็นศูนย์ฝึกอบรมงานบริการหลังการขาย คาดว่าภายในไตรมาสแรกของปีนี้จะได้ข้อสรุป 2 แห่ง และภายในปีนี้คาดว่าศูนย์ยามาฮ่า พรีเมียม ช็อปจะเปิดอย่างน้อย 16 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

ถล่ม 9 รุ่นบิ๊กไบก์ 3 โมเดล

นอกจากการเดินหน้าพัฒนาบริการหลังการขายให้กับลูกค้ายามาฮ่า และเรายังมีความท้าทายในด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปีนี้เรา จะมีแนะนำรถจักรยานยนต์ออกสู่ตลาดถึง 9 รุ่น โดยใน 3 รุ่น จะ

เป็นรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ และจะมีรถจักรยานยนต์ไฮบริด ด้วยส่วนเป้าหมายในเชิงตัวเลขนั้น เราตั้งเป้ายอดไว้ที่ 320,000 คัน มีส่วนแบ่งในตลาดรวมที่ 17% และภายในระยะเวลา 3-5 ปี ยามาฮ่า ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นไปอยู่ระดับ 28% ให้ได้