
สังคมเหลื่อมล้ำสูง ยอดขายรถ 4 เดือน ตลาดรวมทรุดกว่า 20% ปิกอัพเดี้ยงหนักสุดเกือบ 50% ในขณะที่ตลาดรถหรูไม่สะเทือน เกือบทุกยี่ห้อโกยยอดกันพรึ่บ “เบนซ์” มั่นใจนโยบายราคาเดียวทั่วประเทศดันยอดพุ่ง ค่ายใบพัดสีฟ้า ปลื้มรถ EV ฉุดยอดทั้งพอร์ตขยับครองแชมป์รถหรูต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ด้าน “ปอร์เช่” ลั่นไตรมาสแรกปีนี้โตพรวด 23% เดินหน้าขยายศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” เปิดไส้ในตัวเลขยอดขายรถยนต์ช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ปี 2567 พบว่า ยอดขายรวมยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายแค่ 210,517 คัน ลดลง 24% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายรถยนต์ที่ลดลงเป็นผลมาจากการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของภาคเศรษฐกิจ กระทบกำลังซื้อ และหนี้เสียของรถยนต์ทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
รถหรูร้อนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดที่หดตัวลงอย่างรุนแรงนั้น หากเปิดไส้ในตัวเลขที่หดตัวพบว่า ตลาดรถยนต์ปิกอัพหดตัวลงเกือบ 50% ในขณะที่กลุ่มรถหรูกลับไม่กระทบกระเทือน ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบอัตราการปฏิเสธสินเชื่อระหว่างลูกค้ากลุ่มแมสและกลุ่มพรีเมี่ยม คำตอบคือกลุ่มแมสกู้ไม่ผ่านมากกว่า โดยมีรายงานว่า รถยนต์ในกลุ่มพรีเมี่ยมยังทำยอดจดทะเบียนได้ถึง 12,779 คัน แบ่งเป็น บีเอ็มดับเบิลยู จำนวน 4,457 คัน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำนวน 3,606 คัน, เทสลา จำนวน 1,512 คัน วอลโว่ จำนวน 1,311 คัน ปอร์เช่ จำนวน 577 คัน มินิ จำนวน 494 คัน เลกซัส จำนวน 459 คัน และออดี้ จำนวน 363 คัน
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้โดยเชื่อว่าตลาดยังคงจะมีความต้องการอาจจะใกล้เคียงหรือมากกว่าปี 2566 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากลูกค้าในกลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก ประกอบกับมีความหลากหลายของสินค้าที่ผู้ประกอบการนำเสนอให้ลูกค้าเลือก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่แต่ละแบรนด์ นำมาตอบโจทย์ตวามต้องการของลูกค้า
BMW ปลื้มพร์อต EV ฉิว
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมของประเทศไทย ในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู (BEV) เพิ่มขึ้นถึง 108% จาก 6 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX2 บีเอ็มดับเบิลยู iX3 บีเอ็มดับเบิลยู iX บีเอ็มดับเบิลยู i4 บีเอ็มดับเบิลยู i5 และบีเอ็มดับเบิลยู i7 รวม 487 คัน
ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึง 74% ด้วยจำนวนจดทะเบียนอยู่ที่ 548 คัน ผลสำเร็จครั้งนี้สอดคล้องกับการประกาศของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการสร้างหมุดหมายครั้งสำคัญด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสะสมถึง 1 ล้านคันทั่วโลก เพิ่มขึ้นถึง 40.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนในประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยูยังเป็นผู้นำในตลาดมาอย่างเนื่อง 4 ปีติดต่อกัน
รวมถึงกลุ่มรถยนต์ระดับผู้บริหารทั้งประเภทซีดานและรถยนต์อเนกประสงค์ของบีเอ็มดับเบิลยู ก็มีอัตราเติบโตขึ้นถึง 8.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก บีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยูทำได้ด้วยยอดจดทะเบียน 3,561 คัน และมินิ 407 คัน ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา
นโยบายราคาเดียวออกฤทธิ์
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายมาร์ทิน เชวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วันไพรซ์โพลิซี หรือนโยบายขายราคาเดียวทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ “Retail of the Future” ที่ประกาศตั้งแต่ปีที่แล้ว จะเริ่มใช้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะทำให้การขายราบรื่นขึ้น
“เป้าหมายราคาเดียวทั่วประเทศก็เพื่อนำเสนอลักเซอรี่แบรนด์และสามารถมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้า ลูกค้าซื้อรถโดยตรงกับบริษัทแม่ สร้างความชัดเจนโปร่งใส แก้ปัญหาตัดราคาและช่วยดีลเลอร์ลดต้นทุนไม่ต้องสต๊อกสินค้าและได้มาร์จิ้นตามที่บริษัทแม่กำหนดโดยเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ให้บริการกับลูกค้า”
ปอร์เช่ไตรมาสแรกพุ่ง 23%
นายปีเตอร์ โรห์เวอร์ (Peter Rohwer) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กล่าวว่า ปอร์เช่ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเปรียบเทียบจากยอดไตรมาสแรกในปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจและความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อเอเอเอส กรุ๊ป
“ไตรมาสแรกของปี 2567 ปอร์เช่ทั่วโลกมียอดส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าจำนวน 14,895 คัน พิสูจน์ได้ว่า รถยนต์ปอร์เช่ ได้ความนิยมจากผู้ใช้รถทั่วโลก รวมไปถึงตลาดในประเทศไทย ปอร์เช่ ประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ปอร์เช่ได้วางแผนที่จะขยายเพิ่มศูนย์บริการอีก 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ปอร์เช่ กัลปพฤกษ์, ศูนย์ปอร์เช่ บางนา และศูนย์ปอร์เช่ พัทยา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าของปอร์เช่ ประเทศไทย พร้อมยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบการทำงานและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านที่เลือกเราได้รับบริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และประทับใจ”
นายธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวอีกว่า ศูนย์บริการเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการหลังการขายของปอร์เช่ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น และในปีนี้ ปอร์เช่ยังมีรถอีกหลากหลายรุ่นที่เตรียมรอวางขาย ได้แก่ Macan BEV, Taycan, Panamera และ The new 911 เชื่อมั่นว่าการขยายศูนย์บริการครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่เป้าหมาย
“ปีนี้เราจะขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทมุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภูมิภาค รวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งาน EV เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน”