โตโยต้า ยักษ์ใหญ่วงการรถยนต์ญี่ปุ่น ประกาศตัวเลขรายได้ปีงบประมาณล่าสุด (ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2017-31 มีนาคม 2018) สร้างสถิติใหม่ทะลุ 2.49 ล้านล้านเยน (ราว 7.28 แสนล้านบาท) ด้วยยอดขายรถยนต์ทั่วโลก 8.96 ล้านคัน (รวมเลกซัส, ไดฮัทสุ และฮีโน่) ลดลง 6,466 คัน หากเทียบกับปีงบประมาณที่แล้ว
แต่ค่าเงินเยนที่อ่อนตัว และแผนการลดต้นทุนของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้หลังหักภาษีคิดเป็นกำไรสุทธิสูงถึง 2.49 ล้านล้านเยนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 36.2%
นายอากิโกะ โตโยดะ ประธาน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาเกิดจากความมุ่งมั่น, ความตั้งใจ และความทุ่มเทเพื่อจัดการลดต้นทุน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
แต่โตโยต้าก็ไม่ประมาท และมีความกังวลกับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมรถยนต์โลกที่จะเข้าสู่ยุครถยนต์ไร้คนขับ ที่จะเป็นการเปิดทางให้แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนที่มีเงินทุนมหาศาล รวมทั้งบรรดาสตาร์ตอัพจากซิลิคอน วัลเล่ย์ และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเข้ามาแข่งขัน ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมต้องเผชิญการต่อสู้ครั้งใหญ่เพื่อเอาชีวิตรอด
“คู่แข่งของเราและกฎการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เทคโนโลยีคือศัตรูรายใหม่ของเรา ด้วยการบริหารที่รวดเร็ว และเงินทุนสนับสนุนจำนวนมหาศาล ทำให้เกิดการลงทุนสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง”
แนวทางในการรับมือในตอนนี้คือ การวางแผนลดต้นทุนลงอีก 2 เท่าจากปัจจุบัน และหาช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้จากการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ, รถยนต์ไฟฟ้า และระบบเชื่อมต่อของรถยนต์ รวมทั้งการเป็นพันธมิตรกับบริษัทรถยนต์ร่วมชาติอย่าง มาสด้า, ซูบารุ หรือซูซูกิ ในช่วงที่ผ่านมา