“ฮาร์เลย์” ปั้นรง.ไทยฮับเอเชีย แย้มขึ้นไลน์บิ๊กไบก์อีวี-“ไทรอัมพ์” ทุ่มท้าชน

ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ยึดไทยฮับผลิตรับตลาดเอเชียขยายตัว ปลื้มเป็นโรงงานแห่งที่ 5 ของโลก แย้ม 10 ปีผลิตมากกว่า 100 รุ่น จ้องลุย “บิ๊กไบก์อีวี”ด้านไทรอัมพ์ เท 3.3 พันล้านบาทขึ้นไลน์ผลิต 1.2 แสนคันต่อปี ใช้วัตถุดิบในประเทศปีละกว่า 3 พันล้าน

นายปีเตอร์ แม็คเคนซีย์ กรรมการผู้จัดการ ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮาร์เลย์-เดวิดสัน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนธุรกิจของจักรยานยนต์

ฮาร์เลย์ฯในประเทศไทยว่า บริษัทแม่ต้องการขยายธุรกิจของฮาร์เลย์ฯออกมายังประเทศอื่น ๆ นอกสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างแบรนด์และขยายตลาดในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามายังภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งมีตลาดใหญ่ ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์ และไทย เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสการเติบโตของประเทศเหล่านี้

ดังนั้น บริษัทจึงได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ฯในประเทศไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง และเพิ่งมีการวางศิลาฤกษ์ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยโรงงานฮาร์เลย์ฯที่จังหวัดระยองนี้ ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 5 ของฮาร์เลย์ฯทั่วโลกที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา 2 แห่ง, บราซิล และอินเดีย สำหรับประเทศไทยยังถือเป็นประเทศที่ 3 ซึ่งบริษัทตัดสินใจออกไปตั้งโรงงานผลิต

นายแม็คเคนซีย์กล่าวอีกว่า การเข้ามาลงทุนครั้งนี้ แม้ว่ายังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าของการลงทุนได้ แต่เบื้องต้นบริษัทได้รับการอนุมัติการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ พร้อมทั้งได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

โดยโรงงานแห่งนี้จะตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 20,000 ตารางเมตร กำลังผลิตส่วนใหญ่จะเป็นการรองรับกับความต้องการของตลาดในประเทศไทย และตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นหลัก และโรงงานแห่งนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการผลิตค่อนข้างสูง

“โรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานที่มีความสำคัญกับเราค่อนข้างมาก และถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของเรา ไม่ว่า

จะเป็นเครื่องมือเครื่องจักรอุปกรณ์ต่าง ๆ

ระบบซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่อง และภายในปีหน้า พ.ศ. 2561 เราจะเริ่มดำเนินการผลิตได้อย่างแน่นอน”

กลยุทธ์สำคัญของการบุกตลาด ต่างประเทศ ครั้งนี้มีเป้าหมายหลัก 5 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1.การเพิ่มจำนวนรถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ฯอย่างต่อเนื่อง 2.เพิ่มสัดส่วนตลาดนอกสหรัฐอเมริกา โดยกำหนดไว้ 50/50

3.ภายในระยะเวลา 10 ปีจากนี้ ฮาร์เลย์ฯจะส่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดจำนวน 100 รุ่น โดยขณะนี้มีออกมาแล้ว 2 รุ่น และในเร็ว ๆ นี้จะมีเพิ่มอีก 1 รุ่น

4.โรงงานแห่งนี้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และ 5.ฮาร์เลย์ฯพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น จักรยานยนต์อีวี (ไฟฟ้า) ออกสู่ตลาดส่วนประเทศไทยนั้นหลังจากบริษัทตัดสินใจเข้ามาดำเนินธุรกิจเองอย่างเต็มรูปแบบเมื่อปี พ.ศ. 2558 บริษัทได้วางรากฐานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ฮาร์เลย์ฯมาตลอด โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร และการสร้างเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายให้มีความเข้มแข็ง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด รวมถึงการเดินหน้าสร้างแบรนด์อะแวร์เนสผ่านความเป็นฮาร์เลย์ฯ

ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ภายใต้แบรนด์ฮาร์เลย์ฯ เพราะบริษัทเชื่อว่าการเริ่มต้นเป็นลูกค้าของฮาร์เลย์ฯนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมาจากการซื้อรถจักรยานยนต์ แต่อาจจะเริ่มจากแอ็กเซสซอรี่ต่าง ๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน

“ปีที่แล้วเราได้เปิดศูนย์ฝึกอบรม ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ยูนิเวอร์ซิตี้ เอเชีย แปซิฟิก ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมผู้แทนจำหน่ายและช่างของฮาร์เลย์-เดวิดสัน ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อรองรับและเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินธุรกิจของฮาร์เลย์ฯ ไม่เฉพาะแต่ตัวบริษัท แต่เรายังได้ให้โนว์ฮาวการดำเนินธุรกิจ การเป็นตัวแทนจำหน่ายฮาร์เลย์ฯให้กับดีลเลอร์ด้วย และในเดือนหน้าจะมีการส่งรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอีก 1 รุ่น ซึ่งถือเป็นรุ่นที่สำคัญ หลังจากส่ง สตรีท ร็อด ลงตลาด”

ด้านนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ฮาร์เลย์-เดวิดสันได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยตั้งศูนย์การผลิตและประกอบจักรยานยนต์ เนื่องจากที่ตั้งของประเทศไทยซึ่งอยู่ในใจกลางภูมิภาคอาเซียน และยังมีปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่เอื้อต่อการลงทุนและการดำเนินการ เช่น การสนับสนุนต่าง ๆ ที่ช่วยให้นักลงทุนดำเนินธุรกิจได้ง่าย และมีอัตราภาษีที่จูงใจให้ลงทุนและประกอบธุรกิจ

“การเข้ามาของฮาร์เลย์ฯครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำว่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เราให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการลงทุน”

ทั้งนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วบอร์ดบีโอไอยังได้ประกาศส่งเสริมการลงทุนให้กับบริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลล์ (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อรับการส่งเสริมขยายกิจการประกอบรถจักรยานยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบตั้งแต่ 500 ซีซีขึ้นไป เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,359 ล้านบาท กำลังผลิตปีละประมาณ 120,000 คัน ตั้งโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี


โดยโครงการนี้จะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศปีละประมาณ 3,708 ล้านบาท อาทิ ชิ้นส่วนเหล็กหล่อ ชิ้นส่วนเหล็กทุบชิ้นส่วนระบบส่งกำลัง เป็นต้น รวมถึงมีแผนร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่เพื่อจัดการศึกษาระบบทวิภาคีที่เกี่ยวข้องกับด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และส่งบุคลากรไปเรียนรู้เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการผลิตที่บริษัทแม่ประเทศอังกฤษ