แม่ทัพใหญ่ NETA ลั่น “เรายังมอบความคุ้มค่าให้ผู้ใช้รถ EV”

ชู กังจื้อ
ชู กังจื้อ
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

หลังจากเข้ามารับหน้าเสื่อกุมบังเหียน เนต้า ไทยแลนด์ ของ “ชู กังจื้อ” แม่ทัพใหญ่ในฐานะผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า เนต้า (NETA) ในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ด้วยภารกิจที่ต้องสานต่อความสำเร็จของรถยนต์เนต้า ในประเทศไทย ที่กำลังปลุกปั้นโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกนอกจีนในไทย ด้วยการผลิตรถยนต์ NETA V-II เป็นโมเดลแรก และลงดาบสองด้วยการแนะนำรถอีวีรุ่นที่สอง อย่าง NETA X ออกสู้ศึกท่ามกลางสงครามราคาของตลาดรถยนต์จีนในไทย จะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน

Q : ตลาดอีวีมีการแข่งขันที่รุนแรง

ที่ผ่านมาสถานการณ์การแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยจะเห็นว่าธีมการแข่งขันด้านราคากันค่อนข้างรุนแรง สำหรับเนต้า เรามองว่าน่าจะเป็นผลดีกับผู้บริโภคที่กำลังมองหารถคันใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่จะได้ราคาที่ลดลง หรือได้รถอีวีในราคาใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป แต่สำหรับเนต้ายังโฟกัสกลยุทธ์การทำตลาด 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การขยายไปสู่ตลาดใหม่ ฐานลูกค้าใหม่ ๆ 2.การดูแลกลุ่มลูกค้าเก่า โดยในส่วนของลูกค้าใหม่

คือเราจะต้องดูแลลูกค้าเก่าและพยายามสร้างลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Q : NETA X บริษัทแม่ซัพพอร์ตราคามากน้อยแค่ไหน

สำหรับรถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้ารุ่น NETA X ใหม่ ที่ประกาศออกไปนั้น ถือว่าน่าดึงดูดใจ ปัจจุบัน เนต้า ไทยแลนด์ มีฐานลูกค้าในประเทศไทยมากกว่า 17,000 ราย ดังนั้น เราจึงมีความมั่นใจในการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่าง ๆ ของบริษัทที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและส่วนงานการขายในประเทศไทย โดยเนต้ามีความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการและสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายชาวไทยชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ของตัวรถ การตกแต่ง สี

ADVERTISMENT

รวมถึงการตั้งราคาที่มีความเหมาะสมและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้บริโภค แน่นอนว่าเนต้า เราต้องมีการปรึกษากับทางต้นสังกัดที่จีนก่อนในการกำหนดราคา แต่อย่างไรก็ตาม ราคาอันน่าดึงดูดใจของ NETA X นี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจของทีมงานในประเทศไทย โดย NETA X จะมี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ NETA X รุ่น Comfort ราคา 7.39 แสนบาท มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 51.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)

และ NETA X รุ่น Smart จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 62 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ราคา 7.99 แสนบาท

ADVERTISMENT

Q : ตั้งเป้ายอดปีนี้ มีปรับตัวเลขหรือไม่

สำหรับปีนี้ เนต้า เรายังคงยืนยันเป้าหมายยอดขายทั้งปีไว้ที่ 20,000 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ NETA V-ll และ NETA X ไว้เท่า ๆ กันคือ 50/50 สำหรับ NETA X ช่วงเริ่มต้นของการจัดจำหน่ายนั้นยังจําเป็นต้องนําเข้ารถยนต์รุ่นนี้จากประเทศจีนก่อน โดยบริษัทมีแผนประมาณช่วงต้นปีหน้าที่จะทำการผลิตรถยนต์รุ่นนี้จากโรงงานในประเทศไทย เบื้องต้นสำหรับเป้าหมายด้านยอดขายและเป้าหมายการผลิตของ NETA X เป็นจำนวนเท่ากันอยู่ที่ 1,000 คันต่อเดือนก่อน

Q : จะมีการปรับราคา NETA X หรือไม่

สำหรับราคาจำหน่ายของ NETA X ทั้งรุ่น Comfort และรุ่น Smart จะยังคงเป็นไปตามราคาที่ประกาศ เราสามารถยืนยันได้แน่นอนว่าลูกค้าจะสามารถซื้อ NETA X ได้ในราคาตามที่ประกาศไป ทั้งนี้ NETA X เป็นรถรุ่นที่มีความแตกต่างไปจาก NETA V-II (AYA) ที่เราเปิดตัวไปเมื่อต้นปีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก NETA X เป็นรถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ให้ความคุ้มค่าอย่างสูง มาพร้อมการตกแต่งที่หรูหรา เทคโนโลยีอันล้ำหน้า

ตลอดจนพื้นที่โดยสารที่กว้างขวาง และฟังก์ชั่นที่รองรับกับการใช้งานผ่านแอปและรีโมตคอนโทรล คำว่า SMART ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญสําหรับ NETA X เนื่องจากความสามารถในระดับอัจฉริยะของรถยนต์ในระดับนี้มักจะมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย อย่างไรก็ตาม ทางเนต้าได้ใช้ประโยชน์จากการให้งบฯสนับสนุนจากนโยบาย EV3.5 จากรัฐบาล ทําให้สามารถสร้างการเข้าถึงของผู้บริโภคชาวไทยสู่ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะรุ่นนี้ได้มากยิ่งขึ้น

โดยยึดถือการส่งมอบผลประโยชน์ให้กับลูกค้า 4 ประการด้วยกัน ได้แก่ ราคาที่ดี, คุณภาพที่ดี, ระบบอัจฉริยะที่ดี และบริการที่ดี

Q : จากนี้จะมีกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์อย่างไร

เนต้าเรามุ่งมั่นที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่างน้อย 1 รุ่น สู่ตลาดประเทศไทยในแต่ละปี เพื่อเป็นการนำเสนอตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น โดยให้ความสําคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรก

อย่าง NETA X เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นด้านนี้ เนื่องจากเราออกแบบผลิตภัณฑ์และฟังก์ชั่นการทํางานของตัวรถจากข้อมูลที่เราได้ทำการศึกษามาเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าชาวไทย รวมถึงสิ่งที่พวกเขากําลังมองหาในรถยนต์ที่เป็นสมาร์ทเอสยูวี

Q : ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรม

ปีนี้จะเห็นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 60 ปีในประเทศไทย และตลาดก็ได้เติบโตมาจนเต็มที่แล้ว แต่ตลาด EV ถือว่าเป็นตลาดที่ยังใหม่มาก เนต้าเองก็เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 2 ปีกว่า ๆ เท่านั้น โดยเข้ามาด้วยรถยนต์เพียง 1 รุ่น และได้เล็งเห็นว่าอุตสาหกรรม EV ดําเนินไปอย่างรวดเร็วในประเทศไทย

ในขณะนี้แบรนด์ NETA เริ่มเป็นที่รู้จักและสามารถนําเสนอรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาดได้ถึง 2 รุ่น และได้วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีกถึง 4 รุ่นในตลาดประเทศไทย

รวมถึงรถในกลุ่มพรีเมี่ยม อย่าง NETA-L ด้วย ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงกลยุทธ์ “All in Thailand, All for Thailand” ของเรา โดยเน้นการจ้างงานผู้มีความสามารถและผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นเพื่อสร้างการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมกับสังคมไทย ซึ่งจะช่วยส่งผลให้พนักงานของเราสามารถให้บริการและดูแลลูกค้าชาวไทยด้วยความเข้าใจในความต้องการได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น

Q : มีแผนจะขยายโรงงานหรือไม่

ในช่วงระยะเริ่มต้น รถยนต์รุ่น NETA X ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นการนําเข้าจากประเทศจีน โดยในขณะนี้โรงงานที่บางชันมีการผลิตรถยนต์ 1 รุ่น คือ NETA V-II และโดยปกติโรงงานเนต้าจะผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นเป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงจะเปลี่ยนไปผลิตรถรุ่นต่อไป สําหรับการผลิตรถ NETA X นั้นกําลังอยู่ในช่วงของการศึกษา บริษัทมีแผนในการเริ่มผลิต NETA X ในประเทศในช่วงต้นปี

สุดท้ายแม่ทัพใหญ่ค่ายเนต้ายังใช้พื้นที่นี้ ตอกย้ำมุมมองว่า สถานการณ์ความดุเดือดของสงครามราคาจะเป็นเพียงชั่วคราว และสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะกับบริษัทใด ๆ เนต้าทราบถึงสงครามราคาในตลาดไทย แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ได้อีกนาน การลดราคาลงมามาก ๆ ของตลาดจริง ๆ แล้วถือว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ซื้อ EV รายใหม่ สิ่งที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องจัดการในแง่ของความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงที่อาจเป็นลบไป เนต้ายังคงส่งมอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของโดยรวมซึ่งเป็นจุดขายที่โดดเด่นของเราให้กับผู้บริโภคชาวไทย