คอลัมน์ : สัมภาษณ์
ในภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันอย่างเข้มข้น ยอดขายรถยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ปัจจัยรอบด้านไม่เว้นแม้แต่ตลาดพรีเมี่ยมที่หลายคนมองว่าไม่ได้รับผลกระทบ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นอย่างที่หลายคนคิด “กฤษณะกร เศวตนันทน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” และสะท้อนภาพตลาดไว้อย่างน่าสนใจ
ลูกค้าพรีเมี่ยมสวิตช์แบรนด์
ตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมนั้น เป็น “แบรนด์” ที่เเข็งแรง ลูกค้ามีแบรนด์ลอยัลตี้ค่อนข้างสูง แต่ผมไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานไหม เพราะวันนี้เริ่มเห็นการสวิตช์แบรนด์ไปสู่แบรนด์ที่ต่ำกว่าพรีเมี่ยมมากขึ้น โดยเฉพาะรถจีน เรามองว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะเห็นได้ว่าตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดของผู้ประกอบการหลายค่ายยอดขายทั้งปีน่าจะอยู่แค่ 600,000 คัน บวก/ลบ ถ้าจะให้พูดอย่างชัดเจนนับวันยังไม่เห็นปัจจัยบวก
โดยเฉพาะปัจจัยกระตุ้นทางด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดรถพรีเมี่ยมนั้นคาดว่าจะมียอดขายอยู่ระดับ 30,000 คัน ลดลง 15% จากปีก่อนที่มียอดอยู่ประมาณ 35,000 คัน ส่วนอาวดี้ ในช่วง 7 เดือนอยู่ที่ราว 500-600 คัน ลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
เค้กก้อนเท่าเดิม ผู้เล่นมากขึ้น
วันนี้จะเห็นได้ว่ามีแบรนด์รถยนต์ใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดรวมแล้วถึง 58 ยี่ห้อ เพิ่มขึ้นจากในปี 2566 ที่มีคนทำตลาดอยู่รวม 40 ยี่ห้อ และหากย้อนกลับไปสมัยที่ผมทำงานแรก ๆ มีอยู่เพียง 19 ยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าถึงสิ้นปี 2567 จะมีแบรนด์รถยนต์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยถึง 60 ยี่ห้ออย่างแน่นอน ในเมื่อเค้กหรือตลาดรถยนต์ยังอยู่เท่าเดิม แต่กลับมีผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันค่อนข้างจะรุนแรง
ตลาดรวมที่ตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโตใกล้เคียงจีดีพีของประเทศ ซึ่งประเมินว่าปี 2567 จีดีพีน่าจะไม่เกิน 1.9% ถือว่าปีนี้แย่กว่าเศรษฐกิจช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง
หนักกว่าโควิด
วันนี้ยังต้องจับตา เนื่องจากปัจจัยบวกยังมองไม่เห็นชัดหลังจากประเทศไทยเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำตลอดช่วงที่ผ่านมา และความยากลำบากของการปล่อยสินเชื่อ ผมว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ ความรุนแรงมากกว่าในช่วงโควิด
เพราะช่วงโควิดเรายังสามารถขายรถได้ มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง แต่สถานการณ์ในวันนี้กลับกัน โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าที่ไม่มีกำลังซื้อบวกกับยอดขายรถยนต์ลดลง การท่องเที่ยวที่หลายคนบอกว่ากลับมา แต่หากจะลงรายละเอียดแล้วส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเอง หรือเป็นทัวร์อินบาวนด์ที่เป็นกลุ่มคนจีนพากันเข้ามาเที่ยวเองมากกว่า ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวดีจริง แต่ปรากฏว่าเงินไม่เข้าประเทศตรงนี้ก็น่าติดตาม
อีกทั้งปัจจัยลบจากสถานการณ์ยูเครนหรือสถานการณ์โลกก็ยังต้องจับตามองเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคไม่กล้าที่จะใช้เงิน ที่สำคัญของการตลาดจึงจะได้เห็นว่าหลาย ๆ ค่ายนำเรื่องการลดราคาเข้ามาเป็นตัวไดรฟ์ตลาด และก็คาดว่าน่าจะได้เห็นสถานการณ์แบบนี้ไปอีกซักระยะ
เตรียมรถใหม่กระตุ้นตลาด
ปีนี้เป็นปีที่ทุกคนต้องประคับประคองสถานการณ์เพื่อให้ผ่านไปให้ได้ สำหรับอาวดี้หลังจากที่เราเปิดตัวรถยนต์เอสยูวี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด Audi Q8 ไปแล้ว เรายังมีรถรุ่นใหม่เตรียมเปิดตัว ไปถึงสิ้นปีนี้อีก 2-3 รุ่น เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าอาวดี้ในประเทศไทย
ส่วนปีหน้าจะมีการเปิดตัวทั้งรถรุ่นเก่าและใหม่รวมกันไม่น้อยกว่าแปดถึง 10 รุ่น และจะมีรถทุกประเภทเครื่องยนต์เพื่อนำเสนอออกสู่ตลาดตามนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นการเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค
ชูจุดเด่น โปรดักต์วาไรตี้
แน่นอนว่าเรายืนยันเป็นนโยบายตั้งแต่วันแรกที่ทำตลาด โดยจะมุ่งเน้นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่หลากหลายกลุ่มที่เรียกว่าวาไรตี้ มีรถยนต์หลากหลายรุ่นมาให้ลูกค้าได้เลือก ประกอบกับรถเป็นการนำเข้ามาครับ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนรุ่นของรถยนต์ ถึง 20 รุ่น ที่ทำตลาดอยู่
รถออดี้ทุกรุ่นจะมีกลุ่มแฟนเป็นของตัวเอง และเป็นแฟนอย่างจริงจัง คนที่ชอบอย่างจริงจังใช้รถรุ่นนี้ก็จะใช้ไปต่อเนื่องทั้งชีวิต เรามีกลุ่มลูกค้าแบบนี้อยู่จำนวนมาก ฉะนั้นแล้วเรื่องของ “วาไรตี้” จึงสำคัญมาก บางรุ่นเราจำเป็นต้องขาดทุนก็ต้องยอม เพื่อให้มีรถของเราอยู่บนท้องถนนมากที่สุด Audi on the Road
เสริมทัพบริการหลังขาย
วันนี้เราเข้ามาทำตลาดเป็นปีที่ 8 มีฐานลูกค้าอยู่ราว ๆ 8,000 คัน และหากนับย้อนหลังกลับไป 15 ปี-ปัจจุบันอยู่ที่ราว 15,000 คัน ในจำนวนนี้มีลูกค้านำรถกลับเข้ามารับบริการหลังการขายที่ศูนย์บริการมีอัตราอยู่ที่มากกว่า 80% ของปริมาณรถยนต์สะสม ซึ่งเมื่อคำนวณปริมาณช่องซ่อม กับปริมาณรถยนต์สะสม ในปัจจุบันมีปริมาณความเพียงพออยู่ในระดับ 90% ซึ่งเป็นปริมาณที่ยังคงเพียงพอต่อความต้องการอยู่ แต่เราก็ไม่หยุดนิ่ง
และขณะนี้เร่งเตรียมวางแผนงานการลงทุนเพื่อเตรียมขยายรับกับปริมาณการเติบโตในอนาคต ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งหลังบ้าน ด้วยการเตรียมทีมงานคุณภาพ และทยอยเพิ่มปริมาณช่องซ่อมในศูนย์บริการ ไม่ว่าจะเป็นจากเดิมมี 5 ช่องซ่อมเพิ่มเป็น 10 ช่องซ่อม การขยายด้านบริการหลังการขายเพิ่มขึ้น รวมถึงมีแผนการขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ให้ครอบคลุมแผนการเติบโตหลังจากนี้ด้วย