
บนเวทีใหญ่ในงานสัมมนา Prachachat ESG Forum 2024 หัวข้อ “Time for Action #พลิกวิกฤตโลกเดือด” ผู้บริหารสาวจากกลุ่มเรเว่ “ประธานพร พรประภา” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด และกลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้มาสะท้อนแนวคิด การสเต็ปอัพ การก้าวไปสู่ความยั่งยืนของโลกใบนี้ ภายใต้จุดเริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถอีวี “BYD” ภายใต้เทรนด์ ESG ที่มาแรง
“ประธานพร” เล่าว่า เรเว่ กรุ๊ป มีหลักความเชื่อว่าองค์กรธุรกิจ และทุกคนบนโลกใบนี้ จะหนีไม่พ้นเรื่อง ESG ส่วนเเนวคิดการสร้างความยั่งยืนให้เป็นจริงในสไตล์เรเว่ กรุ๊ป จะเป็นอย่างไร ไปติดตาม
ฟาร์ม-ถนน แหล่งสร้างมลพิษ
กำเนิดของเรเว่ กรุ๊ป ทุกอย่างเกี่ยวข้องกันในเรื่อง ESG จริง ๆ Journey หรือประสบการณ์ของตนเอง และพี่ชาย (ประธานวงศ์ พรประภา) น่าจะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 3 ปีก่อน ขณะนั้นตนเองทำเรื่อง “การลงทุน” อยู่ และช่วงหลังมาอินกันเรื่องของ Green Energy ค่อนข้างมาก
ย้อนไปในวัยเด็กก็มีความสนใจในเรื่อง Energy Source คือบ้านเราทุกคนจะทราบดีว่า กรุงเทพฯและเชียงใหม่ ต้องเผชิญกับสภาวะมลพิษทางอากาศค่อนข้างสูง
เราโตมากับในเมืองที่มีมลพิษค่อนข้างเยอะ ทำให้หลายคนประสบปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้มีความสนใจเรื่องของ Green Energy มาก่อนหน้าที่จะมีการจัดตั้ง บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด เราสองคนมองเห็นว่าเรื่องคาร์บอน ประเทศไทย มีที่มาของเรื่องนี้ 2 ที่ ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่คือ การทำฟาร์ม และบนถนน
โดยเฉพาะรถยนต์ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากในการที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศและคาร์บอนไดออกไซด์อย่างจริงจัง บวกกับคุณพ่อเคยเจอกับฝั่งของ “บีวายดี” และเเนะนำให้รู้จัก จนกระทั่งมีการจัดตั้งบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ ขึ้นมาเป็นบริษัทแรกของเรา
ตั้งแต่ตอนแรกเราไม่ได้มองแค่ออโตโมทีฟอย่างเดียว สิ่งที่เราจะต้องทำคือการเปลี่ยน Green Economy ในเมืองไทย ซึ่งรถยนต์ก็เป็นอย่างหนึ่งที่เราจะต้องเริ่มต้นในประเทศ และเราต้องการทำธุรกิจรถยนต์ให้เป็น จึงเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นโดยเริ่มจากรถไฟฟ้าหรืออีวีก่อน จะเห็นว่ารถยนต์ที่เราเลือกแนะนำโมเดลต่าง ๆ ของ BYD ออกมาเป็นรุ่นที่เรามองเห็นโอกาสการเติบโตก่อน เพื่อให้รถจำนวนมากได้ออกสู่ตลาดก่อน
หลังจากรถยนต์แล้ว เรามองเรื่องของระบบการขนส่งเป็นสิ่งใหญ่ จึงมีการเปิดตัวทั้ง เรเว่ Automotive และเรเว่ Commercial Vehicles รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ รถเพื่อการขนส่งตามมา ซึ่งรถในกลุ่มนี้มีการปล่อยคาร์บอนสูงถึง 37% ของรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนน ซึ่งรถบรรทุกเป็นตัวที่ 2 ที่เราเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา
ครอบคลุมทั้ง Ecosystem
ตัวที่สาม คือ เรเว่ Bus and Truck เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ที่ผ่านมาหลายคนยังไม่มีความเข้าใจรถอีวีเหมือนเรา จึงไม่เข้าใจว่าแบตเตอรี่จะมีความทนทานมากน้อยแค่ไหน ราคาขายต่อเป็นอย่างไร
ขณะที่เรารู้จักรถอีวี ดีว่ามีอายุการใช้งานนานแค่ไหน เราอยากจะทำปัญหาที่หลาย ๆ คนไม่แน่ใจให้ชัดเจน และความไม่แน่นอนตรงนั้นทำให้สถาบันการเงิน ไฟแนนซ์ของรถอีวี อาจจะสูงกว่าปกติ แต่ตอนนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจ
สำหรับรถ Commercial Vehicles อาจจะมีราคาลีสซิ่งสูงกว่าปกติ เราก็เปิดตัว เรเว่ Leasing ตามออกมาด้วย เรายังมองว่า Ecosystem เป็นหนึ่งในจุดที่เราจะต้องนำเสนอเพื่อสร้าง Green Economy ในประเทศ ไทยให้ยั่งยืน จากประสบการณ์สามปีกว่าสำหรับตนเองและพี่ชาย ส่วนคนทั่วไปสองปีครึ่ง สำหรับทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราเริ่มขึ้นมา
BYD ที่หนึ่งในใจ
ประธานพร เล่าว่า ตอนที่ตัดสินใจทำตลาดอีวี เราสองคนคุยกันว่า ถ้าไม่ใช่ BYD เราไม่ทำ เพราะเราดู Alternative Sources of Energy เรื่องนี้มาค่อนข้างเยอะ ตอนนั้นมีอะไรในโลกที่น่าสนใจเยอะ แต่หนึ่งในสิ่งที่เห็นมาตลอดคือ BYD
ส่วนตัวเชื่อมั่น BYD มากเลย เพราะการที่เราจะขายของในตลาด หนึ่งในสิ่งที่สำคัญมาก คือ นอกจากลูกค้าปกติจะดูเรื่องราคาแล้ว ยังมองเรื่องความปลอดภัยด้วย ต้องบอกว่าเรื่องความปลอดภัยของ BYD โดยเฉพาะ BYD Blade Battery ทำให้ เรเว่ กรุ๊ป ตัดสินใจทำตลาดกับ BYD
เรามองเห็นหนึ่งในปัญหาของแบตเตอรี่ นอกจากเรื่องไม่มีที่ชาร์จแล้ว จริงๆ แล้วแบตเตอรี่จะอยู่กับเราได้นานแค่ไหนมากกว่า โดยแบตเตอรี่ของ BYD สามารถชาร์จได้ 1 ล้านครั้งต่อการใช้งาน หรือหากคำนวณได้ รถจะสามารถใช้งานได้ถึง 50 ปี
อีกเหตุผลคือระบบซัพพลายเชน ที่ BYD มีการบริหารจัดการและการผลิตเองทั้งชิป เเบตเตอรี่ ฯลฯ จะเห็นว่าหลังจากเราเปิดตัว เจอปัญหาขาดแคลนชิปไปทั่วโลกช่วงโควิด แต่ BYD เขาผลิตชิปและแบตเตอรี่เอง ฯลฯ ทำให้ไม่มีปัญหาตรงนี้ ดังนั้น BYD เป็นแบรนด์ที่เราล็อกสเป็กมาตั้งแต่วันแรก
อีวีไปไกลเกินคาด
ก่อนเปิดตัว เรามีการพูดคุยถึงเรื่องอีวีเยอะมาก เราเปิดบริษัทกลางปี กว่าจะเปิดตัวรถก็ปลายปี เรเว่ใช้เวลากว่าครึ่งปีในการคุยกับลูกค้า ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรถ ก่อนบริษัทเปิดตัวนั้น เราพบว่าตลาดอีวีมีแค่ 0.97% ของตลาดรถยนต์ ในประเทศไทย ตอนนั้นหลายคนยังไม่เข้าถึงรถอีวีจริง ตอนนั้นมีคำถามเยอะ เช่น วิ่ง ๆ อยู่รถจะดับไหม รถอีวีล้างได้เหมือนรถยนต์ปกติหรือไม่ ณ ตอนนั้น ในประเทศไทยยังไม่มีรถอีวีมากจริง เราใช้เวลาสร้างการรับรู้ และทำให้คนรู้จักกับรถอีวีได้มากขึ้น
และสิ่งสำคัญ การจะขายสินค้าสักอย่างต้องขึ้นอยู่กับความเข้าใจในสินค้ามากขึ้นด้วย จะเห็นว่าตอนที่เราเริ่มต้น มีบิลบอร์ดของเราเยอะมาก เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเรามาแน่ หลังจากนั้นก็มีการจัดฟอรัม มีแคมเปญที่จะพูดถึงเรื่องอีวี สร้างการรับรู้ว่าง่ายต่อการใช้งาน และวันนี้คิดว่าคนไทยทราบดีแล้วว่า รถอีวีเป็นรถที่ใช้งานง่าย
เรเว่ กรุ๊ป กับ ESG
ส่วนหนึ่งของเรเว่ กรุ๊ป ตั้งแต่วันแรก ต้องบอกว่า CORE ของเราคือ การสร้างอิมเเพ็กต์เรื่อง Carbon เป็นเรื่องหลัก อย่างไรก็ดีเรื่อง ESG ไม่ใช่แค่เรื่อง Environment ถ้ามองจริง ๆ มีเรื่องสังคมและอื่น ๆ ด้วย
ณ วันแรก เราสร้างบริษัทนี้มาต้องการบอกว่า เรา Create of Economy เพราะเรามองถึงตลาดโลกว่า ในปี 2030 หลายอุตสาหกรรมจะค่อย ๆ ดาวน์ลง ขณะที่หลายอุตสาหกรรมจะค่อย ๆ ถูกยกขึ้นมา และ Clean Energy จะเติบโตได้ค่อนข้างสูง
สิ่งที่เกิดขึ้นในปีถัด ๆ ไป Workforce หรือแรงงาน จะมีการเตรียมพร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงตรงนี้หรือยัง ดังนั้นเราต้องพูดเรื่องของ Green Economy เพื่อให้ผลักดันทุกอย่างพร้อม
สำหรับ เรเว่ มีทีมงานที่ดูแลเตรียมพร้อมเพื่อรองรับตรงนี้ และทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาในประเทศไทย รวมถึงบริษัทแม่ของ BYD ในจีน เพื่อหาวิธีการว่ามีอะไรที่จะสามารถทำร่วมกันได้ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมการผลิตที่สะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากที่สุดด้วย
เร่งสร้างการรับรู้
เรายังเป็นแค่ส่วนหนึ่งของ Green Economy และยังมีอีกหลาย ๆ จุดที่ยังสามารถไปได้อีก สิ่งที่เราพยายามทำคือ ความแตกต่างในแต่ละสเต็ป ปีที่ผ่านมาเปิดตัวด้วยเรื่อง Pollution ก่อน เพื่อสร้างการรับรู้ให้คนเข้าใจอีวีมากขึ้น และประโยชน์ของอีวีคืออะไร
โครงการนี้ทำขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเรื่องของ Carbon Credit ซึ่งเรามีโครงการให้ลูกค้าช่วยลดคาร์บอน และสะสมเป็นคาร์บอนเครดิต โดยที่ลูกค้าสามารถนำคาร์บอนเครดิตมาใช้ได้จริง นี่คือสิ่งที่เราพยายามทำเพื่อเพิ่ม Awareness และ Benefit ตรงนี้ อย่างตัวเลขรถอีวีไตรมาสแรกโต 30% ผ่านมา 7 เดือน ยังโต 10% ถามว่าเราโตได้อีกไหม คำตอบคือยังโตได้อีก
ทุกคนถ้าเคยไปเมืองจีน ปักกิ่ง ก่อนหน้านี้จะพบว่ามี Pollution เยอะมาก แต่วันนี้มันดีขึ้นมาก เมื่อประเทศเขาทำได้ ประเทศไทยเราก็น่าจะทำได้ สภาพอากาศเขาสะอาดขึ้น และรู้สึกว่าเขาทำได้จริง ดังนั้นถ้าถามว่า ตัวเลขอีวีเราโตได้อีกไหม สิ่งที่เรเว่ กรุ๊ปจะทำ และทำต่อไปอีกคือ รถอีวีมี Benefit อะไรบ้างที่ให้
ถ้ามาดูตัวเลขกันจริง ๆ การรับรู้เรื่องอีวีจะอยู่แค่ในบางพื้นที่ ทั่วประเทศจะอยู่ที่หัวเมืองใหญ่ และยังมีอีกหลาย ๆ อย่างที่เราทำได้ นอกจากไฟแนนซ์ เช่น ต้นทุนของ Commercial ทุกคนอยากจะมาใช้อีวี แต่เห็นว่าต้นทุนค่อนข้างสูงและทำยาก เพราะต้องมีสถานีชาร์จมารองรับ วันนี้เราจับมือกับ เรเว่ ชาร์จ มาทำอะไรให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ทุกองค์กรหนี ESG ไม่พ้น
วันนี้ค่อนข้างดีใจมากเลยที่เห็นคนให้ความสนใจเรื่องนี้กันอย่างคึกคัก จำได้ใน 10 ปีก่อน คำว่า ESG คือหนึ่งหน้าในเว็บไซต์จริง ๆ ดีใจที่ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ เรเว่เองสิ่งที่ทำเเล้ว เราว่าดี คือการ “ตั้งทีมงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ” ผู้ประกอบการหรือองค์กรธุรกิจ ในเรื่องของธุรกิจจะหนี ESG ไม่ได้ ธุรกิจของเรเว่เองเป็นธุรกิจที่ Green อยู่แล้ว
แต่หลายคนไม่ได้เริ่มมาด้วย Green บางครั้งก็ไปมองที่ Bottom Line หลายอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในโลกของ ESG เราจะเห็นในหลายประเทศจะมีเรื่องของ ESG Reporting ค่อนข้างเยอะ อนาคตมันก็ต้องมา ฉะนั้นเเล้วทำอย่างไรให้บริษัทเราพร้อมรับกับวันที่จะต้องมี ESG Reporting จริง ๆ และเป็นสิ่งที่ดี เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการรู้ถึงแหล่งที่มาของสินค้าที่เขาซื้อ ว่ามาจากแหล่งไหน มี ESG Reporting อย่างไร และเทรนด์นี้จะแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ
พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน
ผู้ผลิตสินค้าเองก็ต้องรู้ว่า เรากำลังทำอะไรที่ไม่ใช่เรื่อง ESG ถ้าเราเห็นในต่างประเทศ ทุกคนจะเริ่มถามแล้วว่า วัตถุดิบซื้อมาจากแหล่งไหน อย่างไรบ้าง มีการตรวจสอบ และเชื่อว่าอนาคต เรื่องซัพพลายเชนว่ามีแหล่งที่มาจากไหน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก สามารถตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ที่สำคัญ ทำให้เกิดมลพิษมากน้อยแค่ไหน
อนาคตทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันไปหมดทั้งกระบวนการ แม้แต่การขนส่ง เรื่องเหล่านี้จะได้เห็นกันเยอะขึ้นในปีถัด ๆ ไปได้