คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์การทดสอบยางรถยนต์ แต่หลังจากตกปากรับคำกับทีมงาน “ฮันกุก” (Hankook) ยางรถยนต์สัญชาติเกาหลี ที่บริษัทแม่ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดในบ้านเราได้พักใหญ่ จึงขอใช้โอกาสนี้ ไปทำความรู้จักกับยางรถยนต์ฮันกุกให้มากขึ้น
ฮันกุกได้โพชั่นของตนเองไว้ให้เป็นผู้ผลิตชั้นนำด้านยางสมรรถนะสูง ทรงนวัตกรรมสำหรับยางทุกประเภท และมีสัดส่วนการขายสำหรับตลาดยางรถยนต์ทดแทน หรือ REM ในบ้านเราอยู่ราว ๆ 3% จากมูลค่าตลาดที่ 500,000 บาท
ความท้าทายในปีนี้ ฮันกุกตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 3-5% มีรายได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความมั่นใจ ทีมงานฮันกุกจัดกิจกรรมเพื่อให้เรามีโอกาสได้สัมผัสกับนวัตกรรมแห่งความภาคภูมิใจ และยางรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีการแนะนำออกสู่ตลาดบ้านเรา
ด้วยการปิดแทร็กที่พีระ เซอร์กิต เพื่อจัดให้สัมผัสกับยางรถยนต์อีวี และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ยางซีรีส์ใหม่ที่ฮันกุกจะใช้เป็นโปรดักต์ไฟติ้ง สำหรับปีนี้นั้น คือยางอย่างรุ่น iON evo AS สำหรับรถยนต์นั่ง และ iON evo AS SUV สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งได้รับการันตีด้วยรางวัลการออกแบบระดับโลก Reddot Winner Award 2023 (Vehicle Accessories Design) โดยมีการแนะนำคุณสมบัติ จุดเด่นของยางรุ่นใหม่ ที่ต้องบอกว่า หลายคนอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้เท่าที่ควร
แต่ฮันกุกอยากจะย้ำว่า รถยนต์อีวีนั้น ต้องไม่ลืมว่าเป็นรถยนต์ที่มีขนาดน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาจากรถยนต์ปกติถึง 30% ดังนั้น การเลือกใช้ยางรถยนต์ให้ตรงปก เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน เป็นสิ่งไม่ควรละเลย และนั่นคือที่มาของยางอีวี ฮันกุก iON evo ถูกออกแบบมาด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง จากส่วนผสมของเส้นใยอะรามิด หนึ่งในวัสดุที่ใช้ทำเสื้อเกราะกันกระสุนเพื่อความเเข็งแรง
อีกรุ่น Dynapro AT2 Xtreme ได้รับการออกแบบลายดอกยาง All Terrain (A/T) เหมาะทั้งขับทางเรียบและทางลุย และรุ่น Ventus Prime4 ยางรถยนต์ที่เน้นความนุ่ม เงียบ หยุดรถได้ดั่งใจ เหมาะกับการเดินทางในชีวิตประจำวัน
การทดสอบ ทีมงานได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถอีวี ที่ติดตั้งยางฮันกุก iON evo มาใน Tesla Model Y เทสลา มอเตอร์คู่เริ่มออกตัวไป ในช่วงทางเรียบเข้าโค้ง ความลึก ก่อนมาที่การทดสอบความคล่องตัวและการยึดเกาะถนน ในช่วงของการขับ สลาลม ผ่านโคลนที่วางขว้างหน้าให้พารถผ่านเข้าไปสลับซ้ายขวา ความเร็วราว ๆ 40 กม.ต่อ ชม.
ถือว่าให้ความรู้สึกมั่นใจและมีเสถียรภาพ ไม่มีแรงเหวี่ยงแรงโยนกันไปสู่สถานีเลนเชนจ์ ทั้งทางเปียกและทางแห้ง เราก็ยังสามารถคุมรถทรงมั่นใจ ถัดไปเป็นช่วงทางตรงยาว กดคันเร่งไปราว ๆ 90-100 กม.ต่อ ชม. และมีจุดให้กดเบรก
ต้องบอกว่า ทำได้อย่างเเม่นยำและนุ่มนวล ระยะเบรก จากความเร็วที่คะเนด้วยสายตานั้น สั้นกว่าเคย ที่สำคัญ การขับเข้าสู่การทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เสียงล้อยางที่บดลงพื้นผิดถนนนั้น ทำออกมาได้ดี จะบอกว่า “เงียบ” ก็ไม่เกินกว่าความจริง
ส่วนจังหวะเอี๊ยดอ๊าดของล้อที่ถูกสั่งการด้วยความเร็วและเบรก หรือจังหวะหักเลี้ยว ผ่านเส้นทางไป ก็ไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดมา
ลงจาก Tesla มาที่รถฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบใส่ยางฮันกุก Ventus Prime4 ยางสำหรับรถเก๋งเล็กและขนาดกลาง ขับลักษณะเดียวกันเส้นทางเดิม ความรู้สึกก็เเทบจะไม่แตกต่าง ที่ประทับใจคือเรื่องของความนุ่ม เงียบ ก่อนขยับมาที่ยางฮันกุก Dynapro AT2 Xtreme สำหรับรถพีพีวี เอสยูวี ทีมงานใช้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง มาให้เราทดสอบกัน ก่อนขึ้นขับไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย พารถขับไปตามเส้นทางทดสอบแบบเดิม ปรากฏว่าดีกว่าที่คาดไว้
เสียงล้อบดลงถนนด้วยความที่รถมีขนาดใหญ่ ผิดจากการใช้งานรถประเภทนี้ เพราะเงียบจริง เพิ่มความเร็ว รูดเข้าไปในเส้นทางขรุขระ
เฮ้ย…ไม่น่าเชื่อว่า จะทำให้ภาพในหัวเปลี่ยนไป ก็เก็บเสียงดีเกินคาด ความนุ่มนวลของผิวสัมผัสนั้น ก็ซับแรงได้ค่อนข้างดี
สนนราคายางรถยนต์ตระกูล iON 3,900-15,900 บาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) และปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) เข้าสู่ประเทศไทย 2 รุ่น ได้แก่ “iON evo” กับ “iON evo AS” สำหรับรถยนต์นั่ง และ “iON evo” กับ “iON evo AS SUV” สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์
ยางรถยนต์สันดาปรุ่นใหม่ พร้อมกันถึง 3 รุ่น คือ “Dynapro AT2 Xtreme ราคา 3,800-7,400 บาท”, “Dynapro HPX ราคา 3,900-11,000 บาท” และ “Ventus Prime4 ราคา 2,200-6,200 บาท” ออกสู่ตลาดด้วยเช่นเดียวกัน
ถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมด แต่หากใครที่กำลังมองหายางสมรรถนะไว้ติดรถคู่ใจ จะลองมาสัมผัสกับยางเกาหลีจากค่ายนี้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพที่มีติดตัวมา ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย
สุดท้ายต้องไม่ลืมว่า ยางถือเป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ดังนั้นเเล้ว เลือกใช้งานให้ตรงปก ตรงกับประเภท ก็จะทำให้เราใช้รถใช้งานได้อย่างมั่นใจเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น