
คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ทีมงานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ นำทีมโดย อัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร จัดทริปทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง EQS 500 4MATIC SUV AMG Dynamic ซึ่งเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน และเปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ส่วนประเทศไทยเองก็กำลังจากเปิดตัว EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ที่พร้อมเดินเครื่องผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ราว ๆ เดือนตุลาคมที่ถึงนี้ โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ถือเป็นแบรนด์ลักเซอรี่แบรนด์แรกที่ประกอบแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และเป็นประเทศแรกนอกเยอรมนีที่สามารถประกอบรถอีวีระดับแฟลกชิป ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์
มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) ที่ถูกติดตั้งบริเวณเพลาขับหน้าและหลัง โดยหลักใหญ่ใจความรายละเอียด สเป็กของความแตกต่างระหว่างรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่ได้มีความแตกต่าง นอกจากในส่วนของแรงม้า เวอร์ชั่นประกอบไทย อย่าง EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic จะมีแรงม้าที่ 360 แรงม้า 800 นิวตันเมตร ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ใช้เวลาที่ 6.1 วินาทีเท่านั้น
ขณะที่รุ่น EQS 500 4MATIC SUV AMG Dynamic มีม้าที่แรงกว่า อยู่ที่ 449 แรงม้า 828 นิวตันเมตร ส่วนความเร็ว 0-100 อยู่ที่ 5.2 วินาที ส่วนแบตเตอรี่นั้นเป็นแบบ High-voltage ชนิด Lithiun-ion ขนาด 396 โวลต์ ที่ความจุ 118 กิโลวัตต์-อาวร์ ส่งผลให้รถทั้ง 2 รุ่น มีระยะทางในการวิ่งต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง อยู่ 658 กิโลเมตร
ดังนั้น รุ่นที่เราได้มาทดสอบกันวันนี้ แม้ว่าจะเป็นรุ่น EQS 500 4MATIC SUV AMG Dynamic แต่รายละเอียดของสเป็กต่าง ๆ ต้องบอกว่าเหมือนกัน 99% รุ่นประกอบในประเทศ คือ EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic จะออกจากไลน์ประกอบในเดือนตุลาคมนี้
จุดเด่น และเป็น หนึ่งเดียวในคลาส ของ EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic รถยนต์ไฟฟ้า 100% แบบ Full-Size Luxury SUV ขนาด 7 ที่นั่ง ที่มีอยู่ในตลาด มาพร้อมกับความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมขับเคลื่อนไปบนทุกสภาพเส้นทางทั้งออนโรดและออฟโรด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ออกแบบมาให้ทุกที่นั่งได้รับความสะดวกสบาย เบาะคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า มาพร้อมระบบอุ่นร้อน-เย็น ทั้งยังมีระบบนวดประคบมาช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับทุกการเดินทาง แถมเพิ่มระบบความล้ำหน้าด้วย MBUX Hyperscreen เจเนอเรชั่น 2 มีความฉลาดมากขึ้น รับคำสั่งได้ถึง 27 ภาษา ประมวลผลเร็ว พร้อมด้วยหน้าจอแบบสัมผัส ด้านหน้า 3 หน้าจอหลัก ได้แก่ หน้าจอคนขับ แบบ LED Matrix Backlighting ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอกลาง และหน้าจอผู้โดยสารด้านหน้า แบบ OLED ขนาด 12.3 นิ้ว
ส่วนเบาะนั่งแถวที่สอง ยังมีหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว มาให้อีก 2 จอ สามารถเชื่อมต่อระบบความบันเทิง เว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ รวมไปถึง MBUX Rear Taber ขนาด 7.4 นิ้ว เชื่อมต่อและควบคุมหน้าจอต่าง ๆ ผ่านสัญญาณไวไฟ เข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกัน
รวมทั้งควบคุมการเปิด-ปิดม่าน ระบบแอร์ ควบคุมระบบ Climate Seat และระบบนวดเบาะหลังได้ ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายอื่น ๆ มาครบครัน ชุดเครื่องเสียงเหนือชั้นด้วย Burmester
ระบบความปลอดภัย อัดแน่นด้วย Driving Assistance Package พร้อมกล้อง 360 องศา รอบคัน
มีให้เลือก 4 โหมด คือ โหมดประหยัด, โหมดคอมฟอร์ต, โหมดสปอร์ต และโหมดอินดิวิดวล หลัง ๆ ตลอดเส้นทางการทดสอบ เลือกใช้โหมดประหยัดและโหมดสปอร์ต สลับกันเพื่อเพิ่มความกระชับของการขับขี่ ด้วยความพละกำลังความแรงของม้าทั้ง 449 ตัว นั้นต้องบอกว่า แรงไม่หยุด
ประกอบกับช่วงล่างที่ออกแบบมาให้รถมีฐานล้อที่กว้างขึ้น เพื่อรองรับการโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง ให้มีความสะดวกสบาย แม้รูปทรงรถออกแบบมาให้มีความลาดเอียงสไตล์คูเป้ แต่เมื่อไปทดลองนั่งแถวที่ 3 พื้นที่กว้างพอสมควร ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพียงแต่ในตำแหน่งผู้โดยสารอาจจะรับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยงแรงโยน
บางจังหวะที่ผ่านพื้นถนนไม่เรียบ หรือเข้าโค้งแรง ๆ ช่วงล่างแบบถุงลมนั้น ทำให้เราสัมผัสถึงแรงที่เข้ามาปะทะได้พอสมควร ยิ่งเข้าไปนั่งตำแหน่งด้านหลังของพวงมาลัย แล้วต้องทำความเร็ว เพื่อความมั่นใจขอปรับไปที่โหมดสปอร์ต ลงตัวกว่าเยอะ แต่ที่ไม่ต้องทำความเร็ว หรือขับเส้นทางวิ่งในเมือง ใช้แค่โหมดประหยัดนั้นถือว่าเพียงพอ แม้ว่าตัวรถจะเป็น SUV ขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ความคล่องตัวและวงเลี้ยวนั้น ควบคุมบังคับได้ดี
เบนซ์ออกแบบวงเลี้ยวของรถคันนี้มาที่ 4.5 องศา ก็ถือว่าเพียงพอ แต่ถ้าใครต้องการเพิ่มองศาการเลี้ยว เป็น 10 องศา ก็สามารถทำได้ แต่นั้นหมายความคุณต้องจ่ายเพิ่มค่าแพ็กเกจ
ขับกันไประยะทางรวม 181 กิโลเมตร ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยที่ 26.8 กิโลวัตต์อาวร์ต่อ 100 กิโลเมตร มีแบตเตอรี่เหลือให้วิ่งได้อีก 57% กับระยะวิ่งได้ขั้นต่ำ 305 กิโลเมตร หรือระยะทางวิ่งได้สูงสุด 361 กิโลเมตร
รถคันนี้รองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ AC สูงสุดที่ 11 กิโลวัตต์อาวร์ ส่วนการชาร์จแบบ DC รองรับไฟสูงสุด 200 กิโลวัตต์อาร์ หรือทีมงานเบนซ์ เคลมด้วยความภูมิใจว่า ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าแบบ DC แค่ 15 นาที รถคันนี้สามารถวิ่งไปได้ไกลถึง 250 กิโลเมตร สะดวกสบายสุด
ราคา EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic ค่าตัวอยู่ที่ 5.99 ล้านบาท