
วอลโว่ ประกาศรื้อแผนธุรกิจใหม่ ล้มเป้าหมายผลิตจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในปี 2030 หันผลิตรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด เสริมทัพหลังพบผู้บริโภคตอบรถ EV น้อยกว่าคาด
วันที่ 7 กันยายน 2567 หลังจากค่ายรถยนต์สัญชาติสวีดิส อย่าง วอลโว่ คาร์ส (Volvo Cars)ได้ออกมาประกาศความมุ่งมั่น และเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกๆ ของโลกที่ประกาศว่าจะก้าวไปสู้การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุดมีรายงานว่า ทีมผู้บริหารของ วอลโว่ ได้ออกมา ยอมรับว่า การเดินไปสู่แผนงานดังกล่าวนั้น จะต้องให้ระยะเวลามากกว่าที่คาดไว้และทำให้เป้าหมายการเดินหน้าไปสู่ การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวของวอลโว่ภายในปี 2573 อาจไม่สามารถเป็นจริงได้
ทั้งนี้ วอลโว่ ได้ปรับกลยุทธ์โดยหันมาเดินหน้าตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid) และ รถยนต์ไฟฟ้า 100%(EV) รวมกันให้ได้ 90-100% ภายในช่วงสิ้นทศวรรษนี้
และยังมีการระบุด้วยว่าวอลโว่ จะได้เห็นรถยนต์สันดาป (ICE)ในตลาดยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งยังเชื่อว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้าที่ค่อนข้างล่าช้า อีกทั้งบางประเทศได้ลดหรือยกเลิกมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าไปด้วย
ทั้งนี้ วอลโว่ตั้งเป้าว่าจะจำหน่ายรถยนต์กลุ่ม PHEV และ EV รวมกันเป็น 50-60% ของยอดขายทั่วโลกภายในปี 2568 และจะเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา (เมษายน – มิถุนายน 2567) ซึ่งทำให้วอลโว่ มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 26% ของยอดจำหน่ายวอลโว่ทั้งหมด