พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ปั้น “เอ็มจี” สู่หมุดหมายใหม่แสนคัน

ภายในระยะเวลาอีก 2 ปี จากนี้ “เอ็มจี” จะมียอดขายรถยนต์ในประเทศไทย ที่ระดับ 1 แสนคัน… ฟังดูเหมือนจะไม่ง่าย…สำหรับค่ายรถยนต์น้องใหม่ สัญชาติอังกฤษ ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา เข้าขวบปีที่ 4 

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถ… หลังจากเราพบว่า จำนวนประชากรของรถยนต์ “เอ็มจี” ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนบ้านเรามีปริมาณเพิ่มขึ้น อย่างเห็นได้ชัด

นี่คือคำบอกเล่า และความมุ่งหมายของ “เอ็มจี” ประเทศไทย ภายใต้คำบอกเล่าของ “พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรให้ไปสู่หมุดหมายในสเต็ปต่อไป

หมุดแรกสร้างการยอมรับสำเร็จ 

ย้อนกลับไปเมื่อช่วง 4 ปีที่เราเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยใหม่ ๆ อาจจะมีหลายคำถามที่เกิดขึ้นมาก วันนี้ คำถามต่าง ๆ ได้รับคำตอบ และตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าผู้ใช้รถเอ็มจีในบ้านเรา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเก่าแก่ และชื่อชั้นของแบรนด์ “เอ็มจี” ผนวกกับความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ลูกค้าให้การยอมรับใน “แบรนด์” จากจำนวนรถที่เราขายไป

ในแง่ของ “ความเชื่อมั่น” นั้น เอ็มจี เดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับ “ลูกค้า” ทั้งลูกค้าผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี และลูกค้า ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันเรามีโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์เอ็มจี 83 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ และภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 120 แห่ง ทั่วประเทศ และ “สินค้า” จากความสำเร็จของรถยนต์เอสยูวี อย่างเอ็มจี แซดเอส ด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์กับระบบอัจฉริยะไอ สมาร์ท ซึ่งเป็นจุดขาย บวกกับรูปลักษณ์การออกแบบที่เน้นความทันสมัย อันเป็นเอกลักษณ์ขนาดของห้องโดยสาร อรรถประโยชน์ในการใช้งาน และการวางตำแหน่งของสินค้า และราคาค่อนข้างดี ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงรถแซดเอสได้ง่ายขึ้น

แซดเอส เปิดช่องว่างตลาดใหม่ 

แน่นอน เราเห็นความสำเร็จจากการทำตลาดของรถเอ็มจี แซดเอส ที่เลือกจะสร้างจุดขายที่แตกต่าง และความโดดเด่นของตัวรถที่กล่าวมาข้างต้น ผลสำเร็จที่ชี้วัดได้ในวันนี้คือ เรามียอด

จองแซดเอสมากกว่า 1 หมื่นคันไปแล้วและปัจจุบันนี้มีการทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วกว่า 6,000 คัน

ส่วนยอดของที่เหลือ 4,000 คัน และยอดจอง ที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับซัพพลายเออร์ และโรงงานผลิต เพื่อปรับกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์จากที่ผลิตอยู่เดือนละ 1,200 คัน เพิ่มเป็น 1,500 คัน เพื่อเคลียร์แบ็กออร์เดอร์ และลูกค้าจะได้ไม่ต้องใช้เวลารอรถนานเกินไป

วันนี้เราเห็นความสำเร็จจากการปรับตัวและทำตลาดเอ็มจี แซดเอสแล้ว ทำให้เรามีความมั่นใจในโอกาสที่จะอาศัยช่องว่างในการสร้างโอกาสและทำตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างพื้นที่ให้กับเอ็มจี

ได้เพิ่มมากขึ้น

เดินหน้าสานต่อความสำเร็จ 

ความสำเร็จของเอ็มจี แซดเอสนั้น ทำให้เราเห็นโอกาสของแบรนด์เอ็มจี ถ้าเรามีสินค้าที่ดี เอ็มจีก็จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ผู้นำได้ ปล่อยให้แต่ละโมเดลมันทำหน้าที่ของมันไป หากนำเสนอรถยนต์ที่ดี โดนใจลูกค้า ซึ่งจากนี้ไปจะได้มีการพัฒนารถทุกรุ่น ทั้งในเซ็กเมนต์ที่เราทำตลาดอยู่แล้ว หรือเซ็กเมนต์ใหม่ ให้มีความโดดเด่นทั้งดีไซน์ ที่จากนี้ไป DNA ของเอ็มจีจะออกมาในลักษณะเดียวกับ เอ็มจี แซดเอส เพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าเมื่อซื้อไปใช้งานแล้วมีความเทรนดี้ มีไอ สมาร์ท และคุ้มค่าคุ้มราคา

นอกจากนี้เรายังเพิ่มความมั่นใจหลังการขายด้วยการรับประกัน 4 ปี ที่ 120,000 กิโลเมตร มีคอลเซ็นเตอร์ พร้อมดูแลลูกค้าตลอด 24 ชม. และยังมีส่วนของรถยนต์มือสองมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในเรื่องราคาขายต่อ ว่าจะไม่ถูกกดราคา และทำให้แบรนด์ถูกยกขึ้น มีความน่าเชื่อถือ

ตลาดเก๋งยังเป็นโจทย์ใหญ่

สิ่งหนึ่งที่ทีมงานเอ็มจีกำลังทำการบ้านอย่างหนัก คือตลาดรถยนต์นั่ง หรือ รถเก๋ง โดยเฉพาะในกลุ่มของเอ็มจี 5 และ 6 ซึ่งเรายอมรับว่า ไม่ได้ยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ทั้งที่สินค้าของเรานั้นสามารถแข่งขันในตลาดได้

สิ่งสำคัญ…วันนี้ทีมการตลาดของเราต้องพยายามสร้างการรับรู้ใหม่มากขึ้นและทำอย่างไรให้เราสามารถที่จะเพิ่มพื้นที่ในตลาดดังกล่าวได้ นี่คือโจทย์อีกข้อหนึ่งที่เราต้องพยายามแก้ไข

เล็งตลาดรถปิกอัพ

แน่นอนที่สุด หากเราต้องการทำตลาดในประเทศไทย จะเห็นว่าตลาดรถปิกอัพเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งหากเอ็มจีมีสินค้าที่น่าสนใจ เราก็น่าจะมีโอกาสในการสร้างยอดขาย

ที่สำคัญ ถ้าเรามีไลน์สินค้า ซึ่งเป็นปิกอัพเพิ่มขึ้น คนที่แฮปปี้ที่สุด ก็น่าจะเป็นดีลเลอร์ เพราะในแต่ละพื้นที่ แต่ละตลาดมีความต้องการใช้รถยนต์ไม่เหมือนกัน และปิกอัพคือสิ่งที่เราขาดอยู่

ปีนี้เราอาจจะยังไม่ได้เห็นรถปิกอัพจากเอ็มจี แต่ในปีหน้ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก เรียกว่าเราจะพยายาม แม้ว่ารถปิกอัพจะได้ออกแบบหรือพัฒนาในประเทศไทย แต่เราจะทำให้เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด และถ้าจะให้แข่งขันได้ เราคงจะต้องมีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศให้ได้มากที่สุด

ส่วนเรื่องการผลิตนั้น ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปรับไลน์การผลิตให้สามารถรองรับตรงนี้ได้

เป้าแสนคัน คือสเต็ปต่อไป

แน่นอน… ก่อนที่จะไปสู่เป้าหมาย 1 แสนคัน ในอีก 2 ปีนั้น

“เอ็มจี” เราต้องการขึ้นมาเป็นผู้นำของแบรนด์อันดับต้น ๆ ของกลุ่มผู้เล่นในกลุ่มต้องการ หรือ ในกลุ่มค่ายรถยนต์ที่มียอดขายไม่ถึง 100,000 คันต่อปี

นับจากก้าวแรก เมื่อ 4 ปีก่อน ด้วยยอดขายเพียง 200 กว่าคัน เพิ่มเป็น 3,000 คันในปีต่อมา และเมื่อปีที่แล้วมียอดขายอยู่ที่ 12,000 คัน ส่วนปีนี้คาดว่าจะโตเท่าตัว คือ 22,000 คัน ก่อนจะใช้เวลาอีก 2 ปี ข้ามสเต็ปไปแตะ “แสนคัน”

“นั่นไม่ใช่เรื่องยาก” เมื่อเราติดอาวุธครบมือ “แบรนด์ สินค้า เครือข่ายการจัดจำหน่าย” จากรากฐานอันแข็งแกร่ง ผ่านการทำงานอย่างเข้มข้นแล้ว กลยุทธ์และความมุ่งมั่นของคน “เอ็มจี” นั้น

ต้องบอกว่าเป้าหมายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม