คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ถือเป็นรถยนต์นั่งไฟฟ้า รุ่นแรก ๆ ที่สร้างความเชื่อมั่น ด้วยการส่งเวอร์ชั่น “ประกอบ” จากโรงงานประเทศไทย ออกมาทำตลาดในบ้านเรา
รถรุ่นนี้ถือว่าได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าบ้านเราเป็นอย่างดี เห็นได้จากจำนวนประชากร รถ MG4 ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนบ้านเรา
MG4 หรือ NEW MG4 ELECTRIC รถยนต์ไฟฟ้า 100% คันนี้ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM
นวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยสามารถปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซ็กเมนต์ รองรับการใช้แบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ
MG4 ถือเป็นรถยนต์แฮตช์แบ็กไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมความสปอร์ต ดุดัน แต่ให้ความสนุกสนานและความคล่องตัวสูงสำหรับการใช้งาน ทั้งวิ่งในเมือง-ออกนอกเมือง
โดยเวอร์ชั่นประกอบในไทย เอ็มจีได้เพิ่มระยะทางการขับสนุกให้ไปได้ไกลมากยิ่งกว่า ด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุ 64 kWh เพิ่มในรุ่น LONG RANGE ให้เราสามารถใช้รถคันนี้ต่อการชาร์จไฟฟ้าหนึ่งครั้ง ยังวิ่งไปได้ไกลขึ้นถึง 540 กิโลเมตร
การออกแบบหน้าตาของ MG4 ถือว่าลงตัว บนความเป็นแฮตช์แบ็ก อีวี ที่เน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ไฟคู่หน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS ส่วนไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
และหลังคาแบบทูโทน สปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING ในรุ่น V
ล้อแม็กนั้นใช้ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น D ส่วนรุ่น LONG RANGE ขนาดของล้อแม็กขยับขึ้นมาเป็น 18 นิ้ว
นอกจากนี้ เอ็มจี ยังเพิ่มใบปัดน้ำฝนหลังเข้ามาให้ เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในวันที่ต้องขับฝ่าสายฝน
เข้ามาภายในห้องโดยสาร แม้ว่าจะเป็นรถสไตล์สปอร์ต แฮตช์แบ็ก แต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารนั้นถือว่า มีกว้างขวาง พอให้นั่งได้สบายทั้งผู้โดยสารคู่หน้า หรือจะกระโดดไปนั่งด้านหลัง
การจัดวางอุปกรณ์เน้นความเรียบง่าย สะดวกต่อการใช้งาน
MG4 โดยเวอร์ชั่นนี้มีการปรับฟังก์ชั่นและฟีเจอร์เพิ่มเติม โดยใส่หน้าจอสีระบบสัมผัสที่ใหญ่ขึ้นจาก 10.25 นิ้ว เป็น 12 นิ้ว, เพิ่มจุดวางแก้ว ช่องวางแก้วด้านข้างประตู และยังเพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร 3 ตำแหน่ง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ปรับได้ 4 ทิศทาง, จอแสดงผลขนาด 7 นิ้วแบบดิจิทัล มีช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C มาให้ และที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (มีในรุ่น V) พร้อมระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
ส่วนขุมกำลังของ MG4 เวอร์ชั่นประกอบจากโรงงานประเทศไทย นั้นมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ STANDARD RANGE รุ่น D และรุ่น X มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 49 kWh (LFP) ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า สามารถวิ่งได้ระยะทาง 423 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
ส่วนรุ่น LONG RANGE ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC หลังรับรถทดสอบจากเอ็มจีไทยแลนด์ ย่านสีลม ตัดสินใจมุ่งหน้าฝ่าการจราจรอันหนาแน่นในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันศุกร์ มุ่งหน้าออกสู่ จ.ลพบุรี เหลือบมอง พลังงานไฟฟ้าที่บรรจุในแบตเตอรี่ บนหน้าจอแจ้งว่ามีไฟอยู่ 98% กับระยะทางที่วิ่งได้ 469 กิโลเมตร
จังหวะที่ขับฝ่าออกจากเมือง ความคล่องตัวของ MG4 คันนี้ ทำให้กลายเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าจะมีรถจักรยานยนต์คอยแซงซ้าย แซงขวา แต่ระบบความปลอดภัยที่มีมาให้ช่วยงานได้เต็มที่ โดยเฉพาะการเตือนภาพมุมอับ หรือ BLIND SPOT DETECTION ทำให้ผ่านความจอแจออกมาได้ เมื่อวิ่งทางตรงโล่ง ๆ เขายังมีระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนมาให้ รวมทั้งระบบความปลอดภัยต่างจัดเต็ม
อีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลต์ คือ MG4 คันนี้ ถือเป็นรถอีวี ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้มีความคล่องตัว เป็นรถที่ขับสนุก จังหวะกดคันเร่ง พร้อมตอบสนองตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้า โหมดการขับขี่ แค่โหมดอีโคนั้น ก็เหลือ ๆ
แถมรถคันนี้ยังมีความพิเศษ สามารถผันตัวเองจากการใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน มาเป็นผู้ที่จ่ายไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้ กับระบบ V2L (Vehicle-to-load) เบ็ดเสร็จ ขับรถ MG4 คันนี้ไปกลับ กรุงเทพฯ-ลพบุรี-กรุงเทพฯ รวมระยะทางกว่า 350 กิโลเมตร ถือว่าแบตเตอรี่ยังมีพอเหลือราว 30% พอให้วิ่งต่อไปได้อีกราว 100 กิโลเมตร ถือว่าน่าพอใจ
สำหรับ MG4 รุ่น STANDARD RANGE มี 2 รุ่นย่อย คือ
- รุ่น D ภายในสีดำ ราคา 709,900 บาท
- รุ่น X ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ราคา 809,900 บาท
- ส่วนรุ่น LONG RANGE หรือ รุ่น V ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ราคา 889,900 บาท
มีสีตัวถังให้เลือก คือ สีส้ม (Fizzy Orange) สีขาว (Arctic White) สีเทา (Andes Grey) สีดำ (Black Knight) และเฉพาะสีฟ้า (Brighton Blue) จะมีในรุ่น X และรุ่น V
พิเศษเนื่องในโอกาสหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉลองครบรอบ 48 ปี ได้จัดงานใหญ่กอล์ฟการกุศล ระดมทุนหารายได้ในกิจกรรมช่วยลด Climate Change ณ สนามโรบินส์วูด กอล์ฟคลับ จ.ปทุมธานี รถยนต์ไฟฟ้า MG4 (รุ่น D) จะมาเป็นหนึ่งในรางวัลโฮลอินวัน ให้กับนักกอล์ฟผู้ที่สมัครเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ส่วนรางวัลนี้จะเป็นของนักกอล์ฟท่านใด วันที่ 25 พ.ย. นี้ “รู้กัน”