
ชาร์จ แมเนจเม้นท์ เผยตั้งเป้าอีก 3 ปี ระดมทุนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อยอดธุรกิจให้บริการโซลูชั่นยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร แย้มมองหาโอกาสบุกต่างประเทศ เผยส่งบริการใหม่รับเมนเทนแนนซ์เครื่องชาร์จเก่า หวังเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้บริการ ส่วนปีนี้ยอมรับรายได้หลุดเป้าเล็กน้อย ผลจากสภาพเศรษฐกิจ-ตลาดอีวีชะลอตัว
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในฐานะผู้ให้บริการสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถอีวีแบบครบวงจรว่า หลังจากดำเนินธุรกิจและผลักดันให้อีวีอีโคซิสเต็มเป็นระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ถือว่าได้การตอบรับและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
หลังจากนี้จะเป็นช่วงการต่อยอด ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่า 3 ปีจากนี้พร้อมระดมทุนเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตทางธุรกิจ
โดยบริษัทจะมุ่งเน้นขับเคลื่อนและโฟกัส 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจการซ่อมบำรุงเครื่องชาร์จ บริษัทเล็งเห็นโอกาสและช่องว่างหลังจากที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ในส่วนของงานซ่อมบำรุงอุปกรณ์เครื่องชาร์จไฟฟ้าวันนี้ยังมีผู้ให้บริการหรือหน่วยงานใดให้ความสำเร็จในการซ่อมบำรุง ตรวจเช็กสภาพ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

2.ธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าให้กับกลุ่มคอมเมอร์เชียลหรือลูกค้าฟลีต ที่เป็นหน่วยงานองค์กรที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก บริษัทจะเข้าไปรองรับตรงนี้มากขึ้น และ 3.การเข้าไปรับติดตั้งให้กับแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ เช่น บีวายดี และเมอร์เซเดส-เบนซ์ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทพยายามมองหาโอกาสมากขึ้น และอาจจะมีการขยายธุรกิจออกไปยังต่างประเทศด้วย
“เรามองว่าธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องชาร์จไฟนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัย ซึ่งเราอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดเป็นภาคบังคับว่าบ้านไหน หรือสถานที่ใด ที่มีการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จำเป็นต้องมีการตรวจซ่อมบำรุงเป็นประจำ และนอกจากนี้เราจะพยายามผันตัวเองจากผู้รับเหมาไปเป็นผู้ให้บริการแทน”
ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจใน 2 ส่วน คือการจัดตั้งสถานีชาร์จของชาร์จ แมเนจเม้นท์ ให้กับองค์กรที่มีความต้องการ ส่วนที่สองคือการขายไฟฟ้า จากสถานีชาร์จของตัวเอง เรเว่ ชาร์จเจอร์ ในโชว์รูมบีวายดี รวมทั้งสถานีบริการน้ำมันและห้างสรรพสินค้า รวม 594 สถานี 1,380 หัวชาร์จ ปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 30,000 คน
และภายในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าจะขยายสถานีชาร์จไฟฟ้า เรเว่ ชาร์จเจอร์ เป็น 2,200 หัวชาร์จ ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างประมาณ 600 หัวชาร์จ เพื่อรองรับจำนวนรถที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจากนโยบายของบริษัทที่ต้องการให้มีสถานีชาร์จไฟฟ้า เรเว่ ชาร์จเจอร์ ทุก ๆ 160 กม. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเดินทางไกลและบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบางจาก เพื่อเปลี่ยนสถานีให้บริการปั๊มแก๊สที่มีสาขาอยู่ 90-100 แห่ง มาเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าทั้งหมดด้วย
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 1,200 ล้านบาท แต่จากสภาวะเศรษฐกิจ และยอดขายรถอีวีที่ชะลอตัวลง บริษัทต้องปรับเป้าหมายในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 800 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรายได้จากการขายไฟฟ้า 15% และจัดทำโซลูชั่น 85% โดยในช่วง 9 เดือนทำไปได้แล้ว 600 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายข้างต้นยังต้องรอดูว่าท้ายที่สุดจะได้เท่าไร
ส่วนในปี 2568 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,400 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มเป็น 25% และภายในปี 2569 ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการขายไฟฟ้าให้เป็น 50% เพราะมองว่าการสร้างสถานีชาร์จจะเริ่มชะลอตัว จากจำนวนที่มากเพียงพอกับความต้องการแล้ว