“โฟตอน” ปักหมุดไทย เปิดโรงงานแห่งแรกนอกจีนรองรับโลจิสติกส์แห่งอนาคต 

“โฟตอน” ปักหมุด “ไทย” เป็นตลาดเชิงยุทธศาสตร์สำคัญ เปิดตัวโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนในไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตรองรับระบบโลจิสติกส์แห่งอนาคต 
นายชาง รุ่ย  ประธาน โฟตอน มอเตอร์ กรุ๊ป เผยว่า“โฟตอน” ค่ายรถใหญ่แดนมังกรที่มียอดขายในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ในจีนสูงเป็นอันดับหนึ่ง 19 ปีติดต่อกัน จับมือเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งที่ 2  เปิดแนวรุกปักหมุดในไทย ทำพิธีเปิดโรงงานผลิตรถบรรทุก “โฟตอน” แห่งแรกนอกประเทศจีน ภายใต้ชื่อ “โฟตอน ซีพี มอเตอร์” (FOTON CP Motor)  ในอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา  มูลค่าการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นฐานการผลิตรถบรรทุกโฟตอนพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศ 80% และส่งออก 20% โดยมีกำลังการผลิต 1,800 คันต่อปี คาดว่าภายใน 3 ปี จะสามารถผลิตรถเข้าสู่ตลาดได้ไม่น้อยกว่า 7,200 คัน  พร้อมรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดรถยนต์เมืองไทยและตลาดเอเชียแปซิฟิก
“ด้วยเวลาเพียง 5 ปีของ ซีพี โฟตอน เซลส์  ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแห่งแรกในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์คุณภาพสูง ครอบคลุมทั้งยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน และยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า มียอดจดทะเบียนโดยกรมการขนส่งทางบกตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนตุลาคมของปีนี้ มียอดฯ เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้วที่ทำได้ 436 คัน”
นายนพดล เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (จีน) เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวเสริมว่า “การจัดตั้งโรงงานในไทยจะช่วยเสริมศักยภาพด้านกำลังการผลิต ความรวดเร็วในการสนับสนุนทางเทคนิค และบริการอะไหล่ รวมถึงการขยายขอบเขตธุรกิจเพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เช่น การประกอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์พลังงานใหม่
นายชัชชัย นาคประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด โรงงานนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน สอดคล้องกับความต้องการในการใช้งานของประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานพาหนะพลังงานใหม่ที่สามารถตอบรับการขนส่งในเมืองและตลาดโลจิสติกส์ระยะไกล
พร้อมกันนี้ยังได้เดินหน้าส่งมอบไลน์การผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ โฟตอนสำหรับตลาดต่างประเทศนอกประเทศจีนคันที่ 1 ล้านให้กับโรงงานโฟตอน ซีพี มอเตอร์ซึ่งเป็นรถบรรทุกรุ่น Auman C รวมทั้งจัดประชุม FOTON ASIA PACIFIC PARTNERS CONFERENCE 2025