พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ส่งผลต่อการซื้อรถอย่างไร ?

THAILAND-AUTOS
People visit the Great Wall Motor booth at the 41st Thailand International Motor Expo, in Bangkok, Thailand, November 29, 2024. REUTERS/Athit Perawongmetha
คอลัมน์ : ร่วมด้วยช่วยคิด
ผู้เขียน : แพรวา เสงี่ยมศักดิ์, ดร.มณฑลี กปิลกาญจน์ ธนาคารแห่งประเทศไทย

ช่วงสิ้นปีนี้ ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์คงไม่พลาดงาน Motor Expo ที่มีรถยนต์หลากหลายรุ่นและแบรนด์ให้ได้เลือกชม รถยนต์ที่หลายคนถือเป็นปัจจัยที่ห้าในการดำรงชีวิตนั้น มอบความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว แต่เนื่องจากราคาที่สูงและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมา ทำให้ผู้บริโภคต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ

จึงอยากชวนผู้อ่านมาร่วมวิเคราะห์พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของคนไทยที่อาจเปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด ซึ่งอาจกลายเป็น New Normal ที่ท้าทายต่อผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ในการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันการณ์

การระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการเดินทางและรูปแบบการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมาก ในช่วงกักตัว ผู้คนหันมาใช้ชีวิตออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การซื้อสินค้า หรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกบ้านบ่อยเหมือนก่อน ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปและความคุ้นเคยในการใช้บริการออนไลน์

คนส่วนหนึ่งจึงเห็นว่าความจำเป็นในการซื้อรถยนต์ลดลง นอกจากนี้ ทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลายและสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะบริการ Ride-Hailing บริการเรียกยานพาหนะผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น Grab Bolt หรือ LINE MAN ที่ได้รับความนิยมในคนรุ่นใหม่ ยิ่งทำให้ความต้องการมีรถยนต์ส่วนตัวลดลง

การสำรวจของ Deloitte ในกลุ่มคนไทยรุ่นใหม่อายุ 18-34 ปี พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งสนใจบริการยานพาหนะแบบสมัครสมาชิก (Vehicle Subscriptions) มากกว่าการเป็นเจ้าของยานพาหนะเอง เนื่องจากต้องการความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น

รวมถึงการบริหารค่าใช้จ่ายที่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว เช่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันภัย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังมีความกังวลเรื่องค่าสมาชิกรายเดือนที่อาจแพงกว่าค่าผ่อนรถยนต์ ความพร้อมใช้งานของรถยนต์ และระยะเวลาในการรอรับบริการ

ADVERTISMENT

ผู้บริโภคคนไทยสนใจรถยนต์ที่เน้นความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยสัดส่วนยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า เทียบกับรถยนต์สันดาปเพิ่มขึ้นจาก 2% ในปี 2565 เป็น 15% ในปี 2567

แม้คนไทยจะเปิดใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น แต่ยังกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาในการชาร์จ ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ ความปลอดภัยของแบตเตอรี่ ตลอดจนความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะสถานีชาร์จไฟฟ้า นอกจากนี้ จากการสำรวจผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่ามากกว่า 50% มองว่าการผลิตในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ADVERTISMENT

เนื่องจากการเข้าถึงบริการหลังการขาย เช่น การจัดหาชิ้นส่วนและซ่อมบำรุง ที่ง่ายและรวดเร็วกว่า ทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคที่ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังลังเลและชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มตัว

นอกจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางแล้ว ผู้บริโภคคนไทยยังซื้อรถยนต์คันใหม่น้อยลง โดยหันไปยืดอายุการใช้งานรถยนต์คันเดิมและซ่อมบำรุงมากขึ้น

จากการวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายจากฐานข้อมูลการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) พบว่า สัดส่วนยอดขายฐาน VAT หมวดซ่อมบำรุงรถยนต์ต่อหมวดซื้อรถยนต์คันใหม่เพิ่มขึ้นชัดเจนตั้งแต่ 2562 โดยเมื่อคุมยอดขายรถยนต์ให้คงที่ ยอดขายฐาน VAT หมวดซ่อมบำรุงทยอยเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2563-2564 เป็น 26% ในปี 2565-2566

และล่าสุดเป็น 33% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับก่อนโควิด ซึ่งผลสอดคล้องกับข้อมูลจากแบบสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนที่พบว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถต่อการซื้อรถใหม่ของครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สะท้อนพฤติกรรมการซ่อมบำรุงและใช้รถที่นานขึ้นของคนไทย ซึ่งอาจมาจากกำลังซื้อที่ยังไม่เข้มแข็งจากรายได้ที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น หรือการชะลอซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์การลดราคารถยนต์ไฟฟ้าที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคารถยนต์มือสองที่ลดลงกว่า 24% จากปี 2565 ส่งผลให้เงินที่ได้จากการขายรถคันเก่าเพื่อนำมาซื้อรถใหม่มีน้อยลง ซึ่งยิ่งลดทอนแรงจูงใจในการเปลี่ยนรถใหม่

พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้รถนานขึ้น การเดินทางที่ลดลงและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ รวมถึงการเลือกใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ท่ามกลางตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัว และสถาบันการเงินที่ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ความท้าทายอาจเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบธุรกิจจะนำไปปรับเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ธุรกิจอาจนำเสนอการซ่อมบำรุงรายเดือนควบคู่ไปกับการขายรถยนต์ เพื่อให้ลูกค้าอยู่กับเรานานขึ้น หรือ Vehicle Subscriptions เป็นธุรกิจที่น่าจะเติบโตได้ดี ถ้าออกแบบได้ตรงกับความต้องการของคนยุคใหม่ ที่เน้นความสะดวกสบาย คุ้มค่า และใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น นำเสนอบริการส่งรถตรงถึงบ้านด้วยราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งมีรถที่มีเทคโนโลยีใหม่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สุดท้าย ผู้เขียนมองว่าการทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการหาโอกาสจากความท้าทายในพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด