JY AIR Plus สเป็กแน่น แรงเหลือล้น

JY AIR Plus
คอลัมน์ : เทสต์คาร์
ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง

JUNEYAO (จูนเหยา) รถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งแบรนด์ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตัวและทำตลาดในบ้านเรา มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่

JY AIR Standard มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุที่ 51 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 201 แรงม้า หรือราว ๆ 150 กิโลวัตต์ วิ่งได้ไกล 430 กิโลมตร ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จไฟแบบ DC ด้วยกำลังไฟสูงสุด 70 กิโลวัตต์ จาก 30-80% ภายใน 30 นาที

JY AIR Plus ใช้แบตเตอรี่ขนาด 64 กิโลวัตต์ ให้กำลัง 214 แรงม้า หรือราว ๆ 160 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ไกล 520 กิโลมตร ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จไฟแบบ DC สูงสุด 90 กิโลวัตต์ จาก 30-80% ภายใน 21 นาที

JY AIR Plus JY AIR Plus

รถทั้งสองรุ่น แตกต่างกัน รุ่น JY AIR Plus หรือ รุ่นท็อป นั้น นอกจากจะได้แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น ระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้งมากกว่า จูนเหยาเลือกใช้แบตเตอรี่จาก CATL และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว

ส่วน JY AIR Standard แบตเตอรี่ที่มาจาก RECT ได้ความแข็งแรงทนทานตามมาตรฐานของ “จูนเหยา” ใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

ADVERTISMENT

JY AIR ออกแบบภายใต้โกลบอลแพลตฟอร์ม SKY EV ที่รองรับรถยนต์ได้หลากหลายประเภทตั้งแต่ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก เอเซ็กเมนต์ ไปจนถึง ซีเซ็กเมนต์, เอสยูวี, เอ็มพีวี หรือคูเป้ เรียกว่า ปรับเปลี่ยนพัฒนาได้จากแพลตฟอร์มเดียวกัน โดยโครงสร้างของตัวถังนั้น ผ่านการรับรองจาก CNCAP และ Euro NCAP 5 ดาว

ADVERTISMENT

ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด ONE BOX ที่เน้นความกว้างขวาง ด้วยขนาดของตัวรถที่ยาวถึง 4.55 เมตร เทียบเท่ารถยนต์ ซีคาร์ ขณะที่ความกว้างของฐานล้ออยู่ที่ 2.8 เมตร เทียบเท่ารถดีคาร์ วัสดุอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารนั้น จูนเหยาเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพพอสมควร ภายในคอนเซ็ปต์ที่ต้องการให้ภายในห้องโดยสารกลายเป็นที่นั่งระดับ “เฟิรสต์คลาส” นั่นเอง

JY AIR Plus JY AIR Plus JY AIR Plus JY AIR PlusJY AIR Plus

รุ่นที่เราได้ทดสอบครั้งนี้เป็น JY AIR Plus มีสีภายในห้องโดยสารให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีเทาพาสเทล, สีดำแบล็กไนต์ และสีส้มคาราเมล ส่วนตัวแล้วชื่นชอบ สีเทา พาสเทล เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะรู้สึกสว่าง สะอาดตาแล้ว ยังช่วยเสริมความหรูหรา มีระดับ

โดยเฉพาะตัวเบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ใช้วัสดุหนัง PU ชวนนั่งคล้ายกับการนั่งอยู่บนโซฟาอันแสนสบาย แต่ในส่วนของเบาะผู้โดยสารตอนหลัง พนักพิงหลังมีลักษณะตั้งชันไปนิด ช่วงเบาะนั่งสั้นทำให้เวลานั่งลงไป หลังจะชัน ส่วนเข่าติดไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่ ไม่น่าเหมาะกับการเดินทางไกล

ด้วยดีไซน์ ทรงคล้ายรถเอสยูวีคูเป้ที่มีความลาดของหลังคา ทำให้รู้สึกว่าภายในห้องโดยสารเอง มีความแคบและอึดอัด แม้ว่าจะแก้ด้วยการใช้หลังคากระจกพาโนรามิกเข้ามาช่วยเสริม แต่ในตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลังยังแอบรู้สึกอึดอัดไปนิด มีการเสริมส่วนความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยเข้าให้ในรุ่น Plus

ขณะที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และการเชื่อมต่อภายในห้องโดยสาร ต้องออกปากชม เพราะทาง จูนเหยา เซตระบบมาได้ค่อนข้างแม่นยำ ง่ายต่อการใช้งาน เพียงสั่งการผ่านระบบปฏิบัติการ ที่หน้าจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ที่ Sunflowe ที่สามารถหันไปหาทั้งผู้ขับ และผู้นั่งด้านข้างได้ เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายได้ง่ายJY AIR Plus JY AIR Plus

จูนเหยา ยังลงทุนพัฒนาระบบความปลอดภัยที่เรียกว่า Crystal OS ที่รับฟีเจอร์การควบคุมและการสั่งงานต่าง ๆ ได้ง่าย และยังมีเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Level 2+ เข้ามา ถึง 16 ระบบความปลอดภัย แถมทำงานได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ

ก่อนออกเดินทาง รถคันนี้มีไฟสะสมในแบตเตอรี่ 87% วิ่งได้ 445 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา เพื่อนร่วมทางคับคั่งเพราะเราเลือกวิ่งบนถนนบางนา-ตราด เจอทั้งรถเล็ก รถเทรลเลอร์ แถมเจ้าระบบความปลอดภัยว่าจะเป็นการรักษารถให้อยู่ในเลน การรักษาระยะทางจากรถคันหน้า ฯลฯ ทำงานกันอลหม่าน ชนิดที่ว่า ตัดสินใจเบนหัวเข้าปั๊ม เพื่อจอดแล้วปิดระบบบางระบบไป ทำให้การขับขี่รถ JY AIR คันนี้ได้อรรถรสมากขึ้น

บางจังหวะที่ทำความเร็วได้ กดคันเร่งเบาะ ๆ แบตเตอรี่และมอเตอร์พร้อมตอบสนอง ปลุกแรงส่งให้รถคันนี้ “เทกออฟ” ไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วเฉลี่ย 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจังหวะมุดลงซ้าย แซงขวา เพื่อดูความคล่องตัว ถือว่าทำได้ไม่ขี้เหร่

JY AIR Plus JY AIR Plus JY AIR Plus

แต่ถ้าในจังหวะที่เปิดระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 2+ เข้ามาช่วยในบางโหมด ก็ทำให้รู้สึกว่าเจ้ารถคันนี้ กลายเป็นเทอะทะไปซะงั้น

ถ้าถามถึงแรงเหวี่ยงแรงโยน การซับแรงกระแทกภายในห้องโดยสารนั้น ต้องบอกว่าเต็มทุกเส้นทางขรุขระ

ถึงพัทยา ปรากฏว่ามีไฟฟ้าในแบตเตอรี่ให้วิ่งได้อีก 46% ระยะทางเหลือวิ่งได้อีกราว ๆ 236 กม. เท่ากับว่า ระยะทางเกือบ ๆ 210 กิโลเมตร ที่ขับกันมานั้น คำนวณคร่าว ๆ ถือว่า JY AIR ประหยัดใช้ได้ และยังมีไฟฟ้าเหลือเพียงพอขับกลับกรุงเทพฯ ได้สบาย ๆ

JY AIR Plus

ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า รถอีวี JY AIR น่าจะเป็นรถ เหมาะกับผู้ที่ไลฟ์สไตล์ ใช้ชีวิตในเมือง ขับแบบไม่สมบุกสมบันมากนัก ขับรถเก๋ ๆ

และยิ่งเมื่อดูราคาค่าตัว JY AIR Standard ราคา 759,000 บาท

JY AIR Plus ราคา 869,000 บาท

ราคานี้ทางจูนเหยากระซิบมาว่า เป็นราคาที่ตั้งโดยหักเงินอุดหนุนจากมาตรการ อีวี 3.5 เรียบร้อยแล้ว

JY AIR PlusJY AIR Plus