
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
ถือเป็นกลุ่มทุนไทยที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์มาช้านานสำหรับกลุ่มสยามกลการ ต้องบอกว่า วันนี้ผ่านร้อนผ่านหนาว เปลี่ยนผ่านจากยุคคุณปู่ (ดร.ถาวร พรประภา) มาสู่ยุคคุณพ่อ (ดร.พรเทพ พรประภา) จนวันนี้ผ่องถ่ายเข้าสู่รุ่นหลาน (ประณิธาน-ประกาสิทธิ์-ประนัปดา พรประภา) ต้องบอกว่า อาณาจักรสยามกลการยังคงสยายปีกไปใน 6 กลุ่มธุรกิจหลัก หนึ่งในธุรกิจที่อยู่ในมือกลุ่มสยามกลการมาอย่างยาวนาน คือ ในฐานะตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (ดีลเลอร์) นิสสัน รายใหญ่
วันนี้ต้องปรับกระบวนทัพ เพื่อรับกับ “คลื่นความเปลี่ยนแปลง” ที่ถาโถม
ภายใต้ความดูแลของ “เอ็มดี” มืออาชีพ มาดสุขุม “เกริก เกียรติเฟื่องฟู” กรรมการผู้จัดการ ที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อน บริษัท สยามนิสสันเซลส์ จำกัด พร้อมกำหนดเป้าหมาย สร้างความแข็งแรง เพื่อทวงคืนเบอร์หนึ่งดีลเลอร์นิสสัน ไปติดตามกัน
รถยนต์หดตัว-ดีลเลอร์เหนื่อย
สถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงที่ผ่านมา มีการแข่งขันที่รุนแรง ตลาดหดตัวค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อหดหาย ปัญหาหนี้ครัวเรือน ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ส่งผลกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
การเข้ามาทำตลาดของค่ายรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ยังคงรุนแรงรวมถึงการเข้ามาของรถยนต์จากจีน ทำให้ผู้ประกอบการทั้งค่ายรถยนต์ และตัวแทนจำหน่าย ต้องปรับตัวกันอย่างเร่งด่วนเพื่อผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้
เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจ
ปัจจุบัน สยามนิสสันเซลส์ มี 2 บริษัทที่ต้องดูแล คือ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน คือ บริษัท สยามนิสสันเซลส์ จำกัด และบริษัท สยามนิสสัน บอดี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทดูแลหลังการขายศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง
สยามนิสสันเซลส์ ปัจจุบันเพิ่งได้รับโชว์รูมสาขาหนองแขม และสาขาล่าสุดรามคำแหง กลับคืนมาเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน จากก่อนหน้านี้ สยามนิสสันเซลส์มีโชว์รูมและศูนย์บริการนิสสันทั้งสิ้น 14 แห่ง และได้มีการปล่อยสิทธิการขายและให้เช่าพื้นที่โชว์รูมบางสาขาไป เหลือโชว์รูมและศูนย์บริการอยู่เพียง 7 สาขาที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาวิภาวดี, ลาดพร้าว 101, ประเวศ, หนองแขม, สุขุมวิท 101 (ปุณณวิถี), ถนนเพชรบุรี และรามคำแหง
หาพันธมิตรเพิ่มประสิทธิภาพ
อนาคตยังมีโชว์รูมที่เหลืออีกเมื่อหมดสัญญาอาจจะมีการคืนพื้นที่ บริษัทมีแนวคิดที่จะปรับปรุงพัฒนาพื้นที่โชว์รูมต่าง ๆ เพื่อเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ต่อเนื่อง หรืออาจจะมีการเริ่มธุรกิจอื่น ๆ เข้าพัฒนาพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
อาจจะมีการพัฒนาเป็น “คอมมิวนิตี้มอลล์” เล็ก ๆ และดึงแบรนด์พันธมิตรต่าง ๆ ที่เป็นแม็กเนตมาเสริม อยู่ในพื้นที่ของโชว์รูมและศูนย์บริการ เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้านิสสันในพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ได้อย่างทั่วถึงและแข็งแกร่งเพิ่ม
เรามองว่าการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ และน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ “สามารถนำไข่ไปใส่ตะกร้าหลาย ๆ ใบ”
ขยายธุรกิจ-สร้างโอกาสใหม่
ส่วนตัวหลังจากที่เข้ามารับหน้าเสื่อดูแล “สยามนิสสันเซลส์” มาได้เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าปัญหาที่ลำบากใจจริง ๆ คือ “ยอดขาย” จากสภาพตลาดและสยามนิสสันเองถือว่าไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์ใหม่
หนึ่งในนั้นคือการพยายามหาช่องทางในการขายอะไหล่ให้มากขึ้น โดยเราใช้ประสบการณ์จากการขายอะไหล่ไปยังยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สมัยที่ดูแลแบตเตอรี่ยีเอส มาปรับใช้กับสยามนิสสัน เพื่อขยายธุรกิจอะไหล่ให้ออกไปยังผู้จำหน่ายต่าง ๆ
อะไหล่ของนิสสัน เราเองก็ใช้เพื่อซ่อมอยู่แล้ว แต่มีโอกาสให้สามารถขยายตลาดนี้ได้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ดังนั้น ปีที่ผ่านมาได้ขยายในส่วนของงานจำหน่ายอะไหล่ให้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งในส่วนของโชว์รูมและร้านค้า เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจปัจจุบันที่ทำอยู่ และบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอะไหล่สูงถึง 100 ล้านบาท แบ่งเป็นการจำหน่ายอะไหล่ผ่านโชว์รูม 40 ล้านบาท และจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอีก 70 ล้านบาท
และอนาคตคาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 50/50
เสริมความแข็งแกร่งหลังบ้าน
สิ่งที่เราทำมาต่อเนื่องคือการสร้างความแข็งแกร่งและสุขภาพที่ดีในส่วนของการบริหารและขับเคลื่อนองค์กร สร้างวัฒนธรรมองค์กร ภายใต้แนวคิด ONE TEAM เพื่อรีดประสิทธิภาพของบุคลากรออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด
เช่น งานขาย-บริการหลังการขาย จากเดิมที่ใช้พนักงานคนละฝ่าย เราก็จะรวมเพื่อให้พนักงานหนึ่งคนสามารถดูแลลูกค้าได้มีประสิทธิภาพสูงสุด หรือระดับผู้จัดการสาขา ก็ทำหน้าที่ได้ 2 อย่าง ทำงานให้เป็น “หนึ่งเดียว” มากขึ้น
รวมถึงการสื่อสารต่าง ๆ จะต้องมีความชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่มีบิดเบี้ยวระหว่างทาง เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศที่อยากให้เป็น คือเราคิดอะไร เราทำอย่างนั้น ไม่มีดราม่าในองค์กร โปร่งใสทุก ๆ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อให้พนักงาน 330 คน ทำงานได้อย่างมีความสุข รวมถึงพนักงานซับคอนแทร็กต์ด้วย
ทวงบัลลังก์ดีลเลอร์เบอร์หนึ่ง
สยามนิสสันเซลส์ ในฐานะตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสันรายใหญ่ ปีนี้จะพยายามเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้เพิ่มเป็น 12-15% จากยอดขายรถยนต์นิสสันทั่วประเทศ หรือมียอดขายไม่น้อยกว่า 1,200 คัน
จากปี 2567 ที่ผ่านมา มียอดขายไปกว่า 1,000 คัน เป็นผู้แทนจำหน่ายที่มียอดขายสูงสุดอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่ง 5% ของยอดขายนิสสันทั้งปี
ขณะที่รายได้รวมของบริษัทปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายรถยนต์ 1,300 ล้านบาท และรายได้จากศูนย์บริการหลังการขายอีก 700 ล้านบาท
มัดใจลูกค้าเก่า-สร้างลูกค้าใหม่
ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ดีลเลอร์มีการปิดตัวลงไปค่อนข้างเยอะ สยามนิสสันฯมองว่าตรงนี้คือโอกาส เนื่องจากมีผู้ให้บริการงานหลังการขายน้อยลง ทำให้ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการกับสยามนิสสันเซลส์เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันที่บริษัทได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า และความเชื่อมั่นในฐานะที่เป็นดีลเลอร์รายใหญ่ ที่ดูแลลูกค้ามาอย่างยาวนาน และในฐานะบริษัทในเครือสยามกลการ ที่เป็นพาร์ตเนอร์หลักของนิสสันประเทศไทยด้วย และเรามุ่งมั่นที่จะทำตลาดรถยนต์นิสสัน และดูแลลูกค้าที่มีอยู่กว่า 50,000 ราย จากโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์นิสสัน ที่มีทั้งสิ้น 7 สาขาที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ
อนาคตเราน่าจะได้โชว์รูมรถยนต์นิสสันที่ “ปล่อยเช่า” ไปกลับคืนมา เนื่องจากหมดสัญญา เราจะใช้โอกาสตรงนี้ “วิ่งสวนทางตลาด” และผมเชื่อว่า เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม
สำหรับดีลเลอร์ที่ปิดไป ไม่มีใครทำหรือดูแลงานบริการหลังการขาย เราเอามาทำให้หมด และจากสถิติแม้ว่ารถยนต์จะเข้าซ่อมตามศูนย์บริการอื่น ๆ ลดลง
แต่สำหรับตัวเลขผู้เข้าใช้บริการงานซ่อม และงานสีตัวถังของสยามนิสสันเซลส์มีเพิ่มขึ้น
และนี่คือหนึ่งในโอกาสของสยามนิสสันฯ
“เราก็กำลังรอการขับเคลื่อน จาก นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ที่จะมีสินค้าใหม่ ๆ ออกมานำเสนอ และขับเคลื่อนดีลเลอร์ให้เดินไปต่อได้อย่างมั่นคง หลังจากรถนิสสัน เซเรน่า มาเป็นทัพแรกไปแล้ว”