
คอลัมน์ : เทตส์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
หลังจากในช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา อีซูซุแก้เกมตลาดรถปิกอัพและรถพีพีวีลดลงอย่างต่อเนื่อง เรียกว่ายอดขายร่วงระนาว หนักสุดในรอบหลายปี ตลาดรถปิกอัพตกลงไปถึง 40%
อีซูซุไม่ร้อช้า เสริมไลน์อัพสินค้าให้กับรถยนต์อีซูซูดีแมคซ์ และอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ในทันที ด้วยการเปลี่ยนหัวใจใหม่ ใช้เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.2 Ddi MAXFORCE เข้ามาอุดช่องโหว่
เพื่อตอกย้ำความเปลี่ยนแปลงของสินค้าให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ร้อช้า ตรีเพชรอีซูซุจัดทริปคาราวาน (ท่องเที่ยว) เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์ใหม่ บนเส้นทางที่ท้าทายในประเทศเวียดนาม ซึ่งทีมอีซูซุขนเอารถยนต์ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ และ มิว-เอ็กซ์ เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE จำนวน 9 คัน มาให้เราได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่กันในรูปแบบขึ้นจริง ใช้จริง บนถนนจริง ๆ บนเส้นทางไม่ธรรมดา…
วันแรกของการทดสอบ รับไม้ต่อจากเพื่อน ๆ สื่อมวลชนผู้ร่วมทริปแรก บริเวณด่านข้ามแดนรอยต่อระหว่างชายแดนจีนด่าน Youyi ข้ามเข้าเวียดนาม เพื่อไปสู่จุดหมายแรกที่เมือง Long Son ฝั่งเวียดนาม เพื่อรองท้องมือกลางวันเตรียมคนเตรียมรถให้พร้อม ก่อนที่จะเดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง Ha Long ในระยะทาง 170 กิโลเมตร
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ การเดินทางช่วงนี้ใช้ระยะเวลาสิริรวมกว่า 4 ชั่วโมง “ประชาชาติธุรกิจ” เลือกกระโดดขึ้นไปสัมผัสความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารด้านหลังก่อน กับเส้นทางอันยาวนาน
สถาพการจราจรจากเมือง Long Son สู่เมือง Ha Long เป็นทางลูกรัง วิ่งสวน 2 เลน มีการก่อสร้างเป็นระยะ ๆ สลับกับทางดำ มีรถเทรลเลอร์ “ยาวใหญ่” วิ่งสวนตลอด
จุดสังเกตป้ายจราจรที่เวียดนามหากเราต้องขับเข้าเขตเมืองหรือหมู่บ้าน ป้ายความเร็วจะบังคับขับไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมืองออกมานอกเขตชุมชนจะเพิ่มความเร็วเป็น 80-100 กิโลมตรต่อชั่วโมง
นั่งเบาะหลัง ปรับเอนเล็กน้อย แอร์เย็นฉ่ำ แม้จะเจอทางขรุขระเป็นระยะ ๆ แต่ถือว่าการเซตช่วงล่างของของ มิว-เอ็กซ์ ทำมาได้ค่อนข้างดี ไม่กระโดดกระเด้ง
รุ่งขึ้น “ประชาชาติธุรกิจ” รับหน้าที่หลังพวงมาลัย ในช่วงสุดท้ายของการทดสอบ ซึ่งหวดมือเดียวจากเมือง Ha Long มุ่งสู่เมือง Hanoi รถยนต์อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 2.2 Ddi MAXFORCE รุ่น RS ที่พัฒนามาจากเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร จากรหัส RZ4E สำหรับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า หรือใส่เพิ่มเข้ามาอีก 13 ตัว ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร เพิ่มขึ้น 50 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที นั้นถือว่าคนละฟีลกับการขับในสนามช้างฯ เมื่อช่วงปลายปี ที่รู้สึกได้ถึงความเทอะทะของตัวรถ เพราะบุคลิกรถไม่เหมาะกับการขับในเซอร์กิต
แต่พออยู่บนถนนใช้งานจริง ต้องบอกว่าคนละเรื่อง
อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ให้ความคล่องตัวมาก (ขึ้น) โดยเฉพาะจังหวะคุมพวงมาลัย กับแรงของเครื่องยนต์ใหม่ทำได้ เนียนขึ้น
เครื่องยนต์เดินเรียบ โดยเฉพาะจังหวะออกตัว รอยต่อของเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ต้องชมว่าทำมาได้ดีจริง
จังหวะที่เรากดคันเร่งลงไป สัมผัสได้ถึงความกระปรี้กระเปร่าของเครื่องยนต์ที่พร้อมตอบสนอง และส่วนตัวถือว่าดีกว่าบล็อก 1.9 ลิตร
ขับกันในช่วงนี้ก็ราว ๆ 175-180 กิโลเมตร ความหฤหรรษ์จึงบังเกิด
ความจอแจของสภาพการจราจร หลังจากเราลงทางด่วนเชื่อมระหว่างเมือง เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามบิน
การขับรถสลับเลนจากบ้านเรา คือวิ่งเลนขวา พวงมาลัยขวา ไม่ใช่ปัญหา เพราะที่เวียดนามวิ่งรถเลนขวา และรถยนต์ที่ใช้ส่วนใหญ่จะใช้พวงมาลัยซ้าย
แต่ความจอแจของสภาพการจราจอนั้น ทำให้เราต้องตื่นตัวกันตลอดเวลา รถจักรยานยนต์ที่มีอยู่จำนวนมหาศาล สัญญาณแตรถูกทำมาใช้ให้เป็นเรื่องปกติ
แม้อีซูซุ มิว-เอ็กซ์จะเป็นรถที่มีทรงใหญ่ แต่เราสามารถบังคับผ่านความหฤโหดมาได้แบบสบายมือ
ถึงตรงนี้ต้องบอกว่าผลของความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาให้กับ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ เวอร์ชั่นนี้ ทั้งเครื่องยนต์ใหม่ ชุดหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ แรงดันสูงถึง 250 MPa. และ ECM ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์แบบมัลติ-คอร์ (MULTI-CORE) ประสิทธิภาพสูง ใหม่ E-VGS เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ห้องเผาไหม้แบบไฮ สเวิร์ล (High Swirl) ลูกสูบแบบแรงเสียดทานต่ำพิเศษ และเสื้อสูบแบบขึ้นรูปแกร่งพิเศษ และระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่แบบ ไฮ-โฟลว์ (Hi-flow) ทำให้รถมิว-เอ็กซ์ เวอร์ชั่นนี้มีความลงตัวและกลมกลืนมากขึ้น
สำหรับราคาค่าตัวของอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ รุ่น 2.2 RS คันนี้ ราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,624,000 บาท