
โตโยต้า หวังโตเพิ่ม 5% หลังประเมินตลาดรถยนต์ปี 2568 ขายที่ 600,000 คัน ชี้ปัจจัยลบต่อเนื่องทั้งกำลังซื้อลดลง ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน การแข่งขันที่รุนแรงของผู้ประกอบการ
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานยอดคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในปี 2568 ว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวม โดยมีแรงหนุนด้านอุปสงค์จากกิจกรรมในภาคธุรกิจและการลงทุนที่จะกระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการรถยนต์ให้สูงขึ้น
นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่าย การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศและโครงสร้างพื้นฐาน การผลักดันมาตรการสนับสนุนของภาครัฐที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ตลอดจนกลยุทธ์การส่งเสริมการขายและสงครามราคาจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ที่คงจะทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น
เบื้องต้นคาดว่า ยอดขายรถยนต์ปีนี้ 2568 จะอยู่ที่ 600,000 คัน เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง จำนวน 235,900 คัน โต 5% รถเพื่อการพาณิชย์ จำนวน 364,100 คัน โต 4%
แต่ทั้งนี้ยังต้องจับตาปัจจัยหลากหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดในปีที่ผ่านมาจะส่งผลต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อที่ลดลงตามสถานการณ์ปัจจุบันของเศรษฐกิจ รวมถึงค่าครองชีพ อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ทรงตัวสูง ตลอดจนความเข้มงวดของมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ส่วนโตโยต้าตั้งเป้าว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน โต 5% มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 38.5% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 79,300 คัน เพิ่มขึ้น 19% และมีส่วนแบ่งการตลาด 33.6%
- รถเพื่อการพาณิชย์ 151,700 คัน ลดลง 1.0% และมีส่วนแบ่งการตลาด 41.7%
- รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 87,365 คัน ลดลง 4.0% และมีส่วนแบ่งการตลาด 47.8%
- รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 73,800 คัน ลดลง 5.0% และมีส่วนแบ่งการตลาด 50.7%
ส่วนเป้าหมายด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในในปีนี้ ยังต้องเผชิญกับภาวะทรงตัวสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ตลอดจนภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศ คู่ค้า ส่งผลให้โตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 336,184 คัน หรือลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2568 อยู่ที่ราว 537,860 คัน หรือเพิ่มขึ้น 0.3% จากปีที่ผ่านมา
สำหรับตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้ โตโยต้าเชื่อว่ายังต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อการส่งออก รวมทั้งมาตรการของสถาบันการเงินอาจยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เนื่องจากความกังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงและอัตราหนี้เสียที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป และทิศทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ยด้วย
ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 ที่ผ่านมานั้น มียอดขายทั้งสิ้น 572,675 คัน ลดลง 26.2% จาก 2566 โดยแบ่งป็น
- รถยนต์นั่งยอดขายอยู่ที่ 224,148 คัน ลดลง 23.4%
- รถเพื่อการพาณิชย์ยอดขายอยู่ที่ 348,527 คัน ลดลง 27.9%
- รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ยอดขายอยู่ที่ 200,190 คัน ลดลง 38.4%
- รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) ยอดขายอยู่ที่ 163,347 คัน ลดลง 38.3%
ส่วนโตโยต้ามียอดขายในปี 2567 อยู่ที่ 220,356 คัน หรือลดลง 17.1% ยังคงความเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 38.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
ทั้งนี้จะเห็นว่าในปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฮบริด (HEV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำเป็นแรงส่งสำคัญในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากการที่รถยนต์ไฮบริดในไทยมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 29% แสดงให้เห็นถึงทางเลือกเทคโนโลยีของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น