
4คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
จากจุดเริ่มต้นของโครงการ IMV โปรเจ็กต์ (Innovative International Multipurpose Vehicle) เมื่อปี 2545 จากความวางใจของบริษัทแม่ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ให้ “ไทย” เป็นฐานการผลิตรถกระบะ 1 ตัน ,รถยนต์อเนกประสงค์, เครื่องยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าภายในประเทศและส่งออกจำหน่ายไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก
ทำให้รถยนต์กระบะ “ไฮลักซ์ เมดอินไทยแลนด์” ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ความคุ้มค่า และความทนทานจากกลุ่มลูกค้าผู้ใช้ทั่วโลกมาแล้ว หลายเจเนอเรชั่น ตั้งแต่
ไฮลักซ์ วีโก้, ไฮลักซ์ แชมป์ และไฮลักซ์ รีโว่
ทีมงานโตโยต้า จัดกิจกรรมทดสอบ TOYOTA 4X4 OFF-ROAD TRAINING ยังสนามแข่งขันรถยนต์ออฟโรดรายการ 10 เซียน ประจัญบาน ณ สนาม Grand Prix Motor Park อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
งานนี้เรียกว่าเราได้สัมผัสกับตัวรถ สภาพเส้นทาง และเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ มีประสบการณ์ร่วมกับรถไฮลักซ์ รีโว่ ผ่านเส้นทาง ที่เรียกว่า “หิน โหด” แค่ไหนก็เอาอยู่
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ได้รับการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบการขับเคลื่อน ที่เป็นจุดเด่นของระบบ 4X4 คือ การควบคุมระบบส่งกำลังแบบ 3 อิน 1 มีการปรับจูนซอฟต์แวร์เครื่องยนต์เพื่อให้ได้แรงบิดต่อเนื่อง และการตอบสนองที่ฉับไว รวมทั้งสมรรถนะกำลังในการใช้งานที่เหลือเฟือ
ขอเคาะสนิม เลือกใช้ “รุ่นเกียร์ธรรมดา” เพื่อให้ได้อรรถรส และสนองความนิยมส่วนตัว กับไฮลักซ์ รีโว่ เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด ให้กำลัง 204 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400 รอบต่อนาที
การขับสไตล์ออฟโรด เราตัดเรื่องการทำความเร็วออกไป
ปรับตำแหน่งที่นั่ง อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยให้เข้าที่ เข้าเกียร์ 1 ไปเพื่อดูทอร์คของเครื่องยนต์ที่จะค่อย ๆ ไต่ ไปเส้นทาง ลงหลุม-บ่อ ชนิดที่ว่าล้อยก ล้อขึ้นมาตามหลุมตามบ่อ
สิ่งสำคัญ เราต้องควบคุมพวงมาลัย เกียร์ให้สัมพันธ์กันแล้ว
แต่ยังมีสิ่งสำคัญกว่า คือ “ใจต้องเย็น…กว่าน้ำแข็ง”
ที่สถานีแรก “หลุมสลับ” เพื่อทดสอบสมรรถนะการให้ตัวของช่วงล่าง ความยืดหยุ่น และความนุ่มนวล เทคโนโลยีระบบล็อกเฟืองท้าย
ค่อย ๆ พารถไต่ไปตามเส้นทาง แค่ควบคุมรถไปตามทิศทาง ส่วนที่เหลือกำลังของรถสามารถพาเราข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ ที่สถานีทางระนาด ทางหิน โตโยต้าเซตช่วงล่างมาได้พอเหมาะ ซับแรงกระแทกดี เหมาะจะใช้ในการใช้งานทั่วไป หรือจะออกไปใช้โลดโผนตามไลฟ์สไตล์
เข้าสู่สถานีทางเอียงแบบสลาลอม เป็นทางเอียง 20-35 องศา แต่การกระจายน้ำหนักและการบาลานซ์ของรถ ทำให้การควบคุมเป็นเรื่อง “ง่าย” มาต่อที่ การขึ้น-ลงเนินที่มีความลาดชัน ใช้แค่วอล์กกิ้งสปีด ให้กำลังของรถค่อย ๆ ไต่ระดับความชันได้แบบสบาย ๆ
จังหวะทางลงเนินมีระบบเอ็นจิ้นเบรก เข้ามาช่วยชะลอขณะลงทางลาดชัน ทำให้ไม่ต้องแตะเบรก หรือเลี้ยงเบรก เลี้ยงคลัตช์ ปล่อยให้เอ็นจิ้นเบรกทำงาน เรามีหน้าที่ประคองพวงมาลัย
รถคันนี้สามารถขับลุยน้ำได้ ด้วยระดับความลึก 50-80 ซม. ซึ่งโตโยต้ามีการซีลระบบการป้องกันเครื่องยนต์ การป้องกันการรั่วซึมของท่อ และการป้องกันฝุ่น ทำให้เส้นทางนี้ไร้ปัญหา
มาถึงสถานีที่รอคอย คือการนำเจ้าไฮลักซ์ รีโว่ คันนี้ไปขับตะลุยทางฝุ่นกันจริง ๆ ในแทร็กด้วยความเร็ว จำลองตัวเองเป็นนักขับในแรลลี่หฤโหด เข้าโค้งผ่านเส้นทางและอุปสรรคกีดขวาง ผ่านประตูต้นไม้คู่ ทางแคบด้วยสมรรถนะและความคล่องตัวของรถ ทำให้ผ่านมาได้ง่าย และเปลี่ยนความคิดว่า รถปิกอัพเมื่อวิ่งทางตะลุยแบบนี้จะสัมผัสถึงพื้นถนน หลุมบ่อแบบสะเทือนถึงหลัง กลับกัน การเซตช่วงล่าง การเซตพวงมาลัย บวกกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ ทำให้เราขับไฮลักซ์ รีโว่ ผ่านเส้นทางนี้มาได้แบบสนุกสนาน
ไปสู่สถานีที่เป็นทางธรรมชาติจริง วิ่งไต่เนินลูกรัง เพื่อใช้ทักษะที่เรียนรู้มาในแต่ละสถานีกว่าเราจะผ่านเนินสูงออกมาได้ ตั้งลำรถ ถอยกลับ เพื่อส่งกำลังขึ้นไปใหม่หลายรอบจังหวะกดคันเร่ง เพื่อเป็นแรงส่ง เมื่อไม่ผ่านต้องถอยหลัง เพียงแค่เข้าเกียร์ถอย แล้วปล่อยคันเร่ง รถจะค่อย ๆ ถอยหลังไหลลงมาด้วยเอ็นจิ้นเบรกควบคุบได้ง่าย มีกล้องมองภาพมาช่วยให้มุมมองในการขับชัดเจนขึ้นจนสามารถผ่านอุปสรรคมาได้ จนจบการทดสอบ
ต้องบอกว่ารถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ คันนี้ถือเป็นมรดกชิ้นงาม ที่เกิดจากการมุ่งมั่นและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์จากเจนสู่เจน โดยคง DNA ความเป็นโตโยต้าไว้ครบถ้วน ที่สำคัญ ในทรรศนะด้านหลังพวงมาลัย รถคันนี้ถือเป็นปิกอัพที่ขับสนุก และตอบสนองผู้ขับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขับสนุก คุมง่าย สบายมือ