
Zeekr เดินหน้าขยายไลน์อัพสินค้า เพิ่มทางเลือกส่งเครื่องยนต์ไฮบริดเสริมทัพ หลังจับมือ ลิงค์แอนด์โค ลุยตลาดรถยนต์ ตั้งเป้าสัดส่วนขายไฮบริดเป็น 50% ใน 3 ปี ส่งรถเอสยูวี 7X ลุยตลาดอีกรุ่นในมอเตอร์โชว์ ส่วนปีนี้ตั้งเป้าขาย 4,000-5,000 คันปีนี้
นายอเล็กซ์ เป่า จวงเฟย กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศไทย) ประจำ บริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี ผู้จำหน่ายรถยนต์ซีเคอร์ (Zeekr) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายรถยนต์ไม่น้อยกว่า 4,000-5,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ผ่านมา มียอดขายประมาณ 1,300 คัน แบ่งเป็นรถเอ็มพีวี Zeekr 009 ประมาณ 1,000 คัน ที่เหลือเป็นรถครอสโอเวอร์ Zeekr X
สาเหตุที่มั่นใจว่าปีนี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 4,000-5,000 คันนั้น เนื่องจากบริษัทมีแผนที่ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างล่าสุดเพิ่งส่งรถรุ่นย่อยของ 009 รุ่น 7 ที่นั่ง ออกสู่ตลาดไป และจะมีรุ่นย่อยอื่น ๆ ออกมาเสริมทัพอีก

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริด สำหรับนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย หลังจากบริษัทแม่ ซีเคอร์ กรุ๊ป ได้ประกาศร่วมมือกับแบรนด์ลิงค์แอนโค (Lynk & Co) ด้วยการควบรวมกิจการ ภายใต้การโอนสิทธิจาก Geely เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก และเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน
โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อกระชับความร่วมมือ และก่อตั้งกลุ่มยานยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมี่ยม มากกว่านั้นยังมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าและแตกต่างให้แก่ผู้บริโภคผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (BEV), รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ให้แก่ผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลกภายในปี 2569
และตามแผนงานในปี 2568 นี้ Zeekr และ Lynk & Co มีแผนเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่ในตลาดต่างประเทศ โดย Zeekr เตรียมเปิดตัว Zeekr 7X รถยนต์ไฟฟ้าเอสยูวีพรีเมี่ยม 5 ที่นั่ง พร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V ส่วน Lynk & Co เตรียมเปิดตัว Lynk & Co 08 EM-P รถยนต์เอสยูวีปลั๊ก-อิน ไฮบริด
นายอเล็กซ์ยืนยันว่า ซีเคอร์ประเทศไทย จะนำเทคโนโลยีใหม่ในรถรุ่น Lynk & Co 08 E-MP มาเปิดพรีบุ๊กกิ้ง และจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่ ที่วิ่งได้ทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า โดยมีระยะทางวิ่งไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร และตามแผนงานคาดว่าจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทยได้ราว ๆ ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ขณะภาพรวมการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรงและดุเดือด ส่วนรถยนต์ของบริษัทอย่าง Zeekr X นั้นที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายลดลงไป เนื่องจากเป็นเซ็กเมนต์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามราคาอย่างรุนแรง แต่ซีเคอร์ยืนยันที่จะไม่ลดราคาลงไปแข่ง และไม่มีการอัดสต๊อกไปที่ตัวแทนจำหน่าย ทำให้ยอดจำหน่ายลดลงไป อย่างไรก็ตาม บริษัทจะหาสินค้าใหม่ที่โดดเด่นและมีความแตกต่างเข้ามาทำตลาดทดแทนเพื่อช่วยขับเคลื่อนตลาด
ขณะที่ในส่วนของความต้องการของรถยนต์ไฮบริดของประเทศไทยนั้นยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปี 2567 ที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนมากกว่า 100,000 คัน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถอีวี มียอดจดทะเบียนที่ 72,000 คัน เท่านั้น ทำให้บริษัทเล็งเห็นช่องว่างและโอกาสในการเข้าไปทำตลาดตรงนี้ แม้ว่าจะยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะเป็นการทำตลาดรถยนต์ไฮบริดในรูปแบบใด แต่ก็มั่นใจว่าภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ซีเคอร์จะมีสัดส่วนการขายรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยที่ 50%
“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังแข่งกันอย่างรุนแรง และเราเชื่อว่าสงครามราคายังไม่จบอย่างแน่นอนในปีนี้ แต่ก็มีข้อดีที่มีสินค้ารุ่นใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลผ่อนผันให้รถยนต์ในโครงการอีวี 3.5 ยืดระยะเวลาการผลิตไปอีก 2 ปี ก็จะทำให้การแข่งขันชะลอความรุนแรงลงได้จากการที่ไม่สต๊อกล้นตลาด”
ส่วนภาพรวมตลาดรถยนต์ในปีนี้ คาดว่าจะแตกต่างจากปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้า 100% จะเติบโตที่ 1-5% หรือมียอดขายไม่เกิน 80,000 คัน แต่สำหรับซีเคอร์ ซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันมากนัก