นิสสันชนะคดีฟ้องดีลเลอร์ ศาลแพ่งสั่งชดใช้เงิน600ล้าน

แฟ้มภาพ

“นิสสัน” ใช้สิทธิ์ทางกฎหมายยื่นฟ้องดีลเลอร์กลุ่ม “สิม ออโต้” และ “ชุมพล สิมธรรมนิมิตร” เรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดสัญญาเช่าซื้อ ค้ำประกัน ล่าสุด ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ 6 จำเลยชดใช้เงินคืน พร้อมจ่ายดอกเบี้ยเบ็ดเสร็จร่วม 600 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า กรณีนิสสันประเทศไทยยื่นโนติสพร้อมบอกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน กับ บริษัท สยามนิสสัน อิสเทิร์น 2002 จำกัด(ฉะเชิงเทรา), บริษัท สยามนิสสัน โอเรียน 2003 (นครนายก), บริษัท สิม ออโต้ เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท สิม ออโต้ นครปฐมซิตี้ จำกัด, บริษัท สิม ออโต้ ชลบุรี จำกัด เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559 หลังจากนั้นได้ดำเนินการฟ้องข้อหาละเมิด เรียกคืนความเสียหายทั้งหมด

ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ศาลแพ่ง ได้พิจารณาคำฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ พ 5518/2559 คดีหมายเลขแดงที่ พ 2685/2561 ความแพ่งระหว่าง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โจทก์ที่ 1, บริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด โจทก์ที่ 2, บริษัท สยามนิสสัน อิสเทิร์น 2002 จำกัด จำเลยที่ 1, บริษัท สยามนิสสัน โอเรียน 2003 จำกัด จำเลยที่ 2, บริษัท สิม ออโต้ เทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 3, บริษัท สิม ออโต้ นครปฐมซิตี้ จำกัด จำเลยที่ 4, บริษัท สิม ออโต้ ชลบุรี จำกัด จำเลยที่ 5, บริษัท ทรีแมน ออโต้ ซิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 6 และนายชุมพล สิมธรรมนิมิต จำเลยที่ 7

โดยโจทก์ได้ยื่นฟ้องเรื่องละเมิดสัญญาเช่าซื้อค้ำประกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม โดยระบุว่าจำเลยได้ผิดสัญญาการเช่าซื้อกับโจทก์ทั้งสองเป็นรถนิสสันจำนวน 390 คัน ความเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อทั้งหมด รวมภาษีมูลค่าเพิ่มรถยนต์เป็นรายคันอีกจำนวน 22,444,348.70 บาทเป็นเงินค่าเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อทั้งสิ้น 419,084,148.70 บาท เมื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวหักออกจากเงินที่ประมูลขายรถยนต์แล้ว จำเลยต้องรับผิดชอบตามสัญญาที่เช่าซื้ออีก 175,702,148.70 บาท

ทั้งนี้ ศาลพิพากษาให้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5% ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 พ.ย. 2559) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1

ให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายบัญชีลูกหนี้ และการใช้สินเชื่อจำนวน 115,726,901.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 110,587,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินตามสัญญาซื้อขายบัญชีลูกหนี้ และการใช้เงินสินเชื่อจำนวน 63,596,337.57 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 61,262,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2

ให้จำเลยที่ 3 ชำระเงินตามสัญญาซื้อขายบัญชีลูกหนี้ และการใช้เงินสินเชื่อจำนวน 119,051,353.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 114,567,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยที่ 4 ชำระเงินตามสัญญาซื้อขายบัญชีลูกหนี้ และการใช้เงินสินเชื่อจำนวน 63,584,109.49 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 61,262,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2

ให้จำเลยที่ 6 ชำระเงินตามสัญญาเช่าซื้อจำนวน 148,650,186.87 บาท แก่โจทก์ที่ 2 หากจำเลยที่ 6 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 7 ชำระแทน และให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระค่าเสียหายมูลละเมิดจำนวน 12,144,372.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 806,812.61 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยทั้งเจ็ดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนาย 200,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี 50,000 บาท ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

สำหรับกรณีพิพาทระหว่างนิสสันประเทศไทย นิสสันลีสซิ่ง กับดีลเลอร์รายนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานข่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการถูกกล่าวหาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการทำธุรกิจจนเป็นเหตุให้นายคะซุทากะ นัมบุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ในขณะนั้นตัดสินใจพ้นจากสภาพการทำงานในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ไปเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559

โดยมีนายยูตากะ ซานาดะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด เข้ามารับหน้าที่ดูแลแทน ก่อนที่จะแต่งตั้งนายอันตวน บาร์เตส ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

โดยนายอันตวนได้พยายามเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวพร้อมทั้งเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์นิสสันและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศอย่างแข็งขัน