นายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซูเปอร์คาร์ภายใต้แบรนด์แมคลาเรน เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้กลับมาทำตลาดอีกครั้ง หลังจากตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมาบริษัทไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้เพราะถูกดีเอสไอกล่าวโทษ โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวซูเปอร์คาร์ เจเนอเรชั่นที่ 2ในตระกูลแมคลาเรน 720 เอส รุ่นใหม่
อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ขณะนี้มียอดจองไปแล้ว 15 คัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ภายในสิ้นปีนี้และทั้งปี (12 เดือนนับจากเปิดตัว) บริษัทตั้งเป้าจะมียอดจองไม่น้อยกว่า 30 คัน โตเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า และเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มรถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่มีราคามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งคาดว่ามีความต้องการอยู่ราว 200 คันต่อปี โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดโตส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐแล้วยังมีปัจจัยการส่งรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดของค่ายรถยนต์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดให้มีการเติบโตได้
โดยตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ที่กลุ่มผู้ประกอบการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซูเปอร์คาร์ต้องเผชิญปัญหา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ บริษัทเองซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ 2 ยี่ห้อคือ ลัมโบร์กินี และแมคลาเรน ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน มีลูกค้าบางกลุ่มที่ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ทำให้ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มนี้หายไป 70-80% ในช่วงที่ผ่านมา แต่สำหรับวันนี้ในส่วนของแบรนด์แมคลาเรน นั้นมีความชัดเจน และบริษัทได้กลับมาทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง
และเชื่อว่า ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อความมั่นใจของลูกค้า เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาลูกค้าจะเห็นถึงความตั้งใจจริงของบริษัทในการดำเนินธุรกิจ ส่วนรถยนต์ลัมโบร์กินีนั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนออกมาได้ราวสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมงบประมาณมูลค่า 20 ล้านบาท เพื่อลงทุนสำหรับสร้างศูนยน์ซ่อมสีและตัวถัง สำหรับรถยนต์แมคลาเรนรวมทั้งแผนจะเปิดให้บริการ กับรถยนต์ซูเปอร์คาร์ยี่ห้ออื่น ๆ ด้วย ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ บนพื้นที่ขนาด 4,000 ตารางเมตร สามารถรองรับรถใช้บริการได้ 80 คันต่อเดือน โดยพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ภายในไตรมาส 3 อย่างแน่นอน ด้านนายปีเตอร์ เซลล์ ผู้จัดการฝ่ายขายแมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียใต้เปิดเผยว่า ตลาดในภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแมคลาเรน มีแผนจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการในภูมิภาคนี้จาก 16 แห่ง เป็น 20 แห่งภายในปีนี้ด้วย
สำหรับแมคลาเรน 720 เอส มาพร้อมเครื่องยนต์ Twin Turbo V8 Engine แบบ 4 ลิตร 720 แรงม้า ด้วยอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.8 วินาที ใช้โครงช่วงล่างคาร์บอนไฟเบอร์ แบบ Monocage II ซึ่งลดน้ำหนักลงได้ถึง 18 กก. ถือเป็นยุคใหม่ของรถยนต์ ในตระกูลแมคลาเรน ซูเปอร์ ซีรีส์ เนื่องจากรถยนต์เจเนอเรชั่นที่ 2 นี้ มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่นสปอร์ต ซีรีส์ และรุ่นซูเปอร์ ซีรีส์ ราคา 26.5 ล้านบาท